SAMSUNG จากเส้นก๋วยเตี๋ยว สู่หนึ่งในบริษัท เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก

จากเส้นก๋วยเตี๋ยว สู่หนึ่งในบริษัท เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก

เชื่อหรือไม่ว่าแรกเริ่มแต่เดิมที Samsung ไม่ได้เป็นบริษัท เทคโนโลยีอย่างที่เราเห็น?

Samsung นั้นถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อราว ๆ ช่วงปี 1930 หลังช่วงวิกฤติถดถอยรุนแรง (Great Depression) โดยแรกเริ่มแต่เดิมที Samsung นั้นเริ่มต้นการทำธุรกิจโดยการขายเส้นก๋วยเตี๋ยว! รวมไปถึงสินค้าอารมณ์ที่แบบที่เราเห็นได้ตามร้านโชว์ห่วยต่าง ๆ (สินค้าของชำทั่ว ๆ ไป) น้ำตาล ไปยันขนสัตว์เสียด้วยซ้ำ

จนในปี 1950 ทาง Samsung ได้หันมาทำธุรกิจประกันภัยและค้าปลีก

เปลี่ยนผ่านมาอีกหน่อยในช่วงปี 1960 Samsung เริ่มหันมาแตะผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิคส์ ทีวี คอมพิวเตอร์ Smart watch กล้องดิจิตอล ชิปมือถือและสมาร์ทโฟน สินค้าหัวเรือหลักในทุกวันนี้ที่เราเห็น

จนในปี 1993 Samsung ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก

และนี่ก็คือเรื่องราวคร่าว ๆ ทั้งหมดก่อน Samsung จะก้าวมาถึงจุดยิ่งใหญ่อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้…

ธุรกิจหลักของ Samsung ในทุกวันนี้

Consumer Electronics

ในส่วนนี้หลาย ๆ คนคงเคยเห็นและคุ้นชินกันอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าหลาย ๆ บ้านคงมีอุปกรณ์เหล่านี้จาก Samsung ติดบ้านกันมาบ้างในช่วงชีวิตวัยเด็ก หรือแม้จะในตอนนี้ก็ตาม

สินค้าจาก Samsung ที่ว่านี้ก็เป็นของใช้จิปาถะที่มีความจำเป็นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ภายในบ้านต่าง ๆ ที่ครบครันไม่ต่างกับรถรับซื้อของเก่า ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น ทีวี จอคอม เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ รวมไปถึงอาวุธลับที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังไม่รู้อย่างเครื่องเอ็กซ์เรย์ผ่านมือถือ ระบบอัลตร้าซาวด์

หรือจะเรียกได้ว่า Samsung มีตั้งแต่ของใช้ทั่ว ๆ ไปภายในบ้าน จนไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์เลยก็ว่าได้

และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ยังคงเห็นสินค้าจาก Samsung อยู่รอบตัวเราเสมอ ๆ

IT & Mobile Communications

มาถึงอีกส่วนที่ทำให้ Samsung ฮอตฮิตคุ้นหูจนเป็นภาพจำกับทุกคนและเป็นส่วนสร้างสรรค์รายได้หลักที่สำคัญของ Samsung อีกด้วยสิ่ง ๆ นั้นก็คือ “โทรศัพท์มือถือ” นั่นเองครับ

แต่ถึงแม้รายได้จากการขายโทรศัพท์จะเป็นส่วนสำคัญ แต่รายได้ของ Samsung ก็ไม่ได้มาจากการขายโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ Samsung ยังมีสินค้าอย่างอุปกรณ์สำหรับโครงข่ายสื่อสาร อุปกรณ์จิปาถะต่าง ๆ รวมถึงบริการรวมทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำอย่างบริการเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับอินเทอร์เน็ต (Internet of Things)

Semiconductor

ในส่วนของการผลิตชิปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลในมือถือ การ์ดความจำต่าง ๆ และอื่น ๆ ก็ถือว่าเป็นรายได้หลักอีกทางหนึ่งของ Samsung โดยที่ Samsung เองก็ยังคงครองตำแหน่งผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก รวมถึงยังมีบริษัทอย่าง Apple เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย

แล้วทุกวันนี้ Samsung มีรายได้หลักมาจากการทำธุรกิจอะไร?

SAMSUNG จากเส้นก๋วยเตี๋ยว สู่หนึ่งในบริษัท เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก

หากดูจากภาพข้างต้นหลัก ๆ แล้วเราก็จะเห็นได้ว่า Samsung มีรายได้หลัก ๆ มาจากส่วนของ IT & Mobile Communication ซะส่วนใหญ่

เมื่อการชิงความได้เปรียบในตลาดสูงขึ้น Samsung จะยืนอยู่ตรงไหน?

เมื่อเรารู้แล้วว่าตำนานบทใหม่ของ Samsung คือการโลดแล่นไปกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้เติบโตได้รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง แต่ก็แลกมาด้วยการแข่งขันที่สูงเช่นกัน

หากมาเทียบในส่วนของสมาร์ทโฟนซึ่งเปรียบเสมือนรายได้หลักทางหนึ่งของ Samsung แล้วแต่ก่อนเราคงนึกถึง Apple เจ้าของ IPhone เพียงอย่างเดียวที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับ Samsung ได้

แต่ในปัจจุบันแบรนด์จีนอย่าง Huawei ก็เริ่มปรับตัวมาเขมือบส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนของโลก ด้วยราคาที่ไม่แพง พร้อมกับระบบที่ลื่นไหล ฟังก์ชั่นที่กั๊กน้อยกว่าสมาร์ทโฟนเจ้าหนึ่ง ก็ส่งผลให้ Huawei ออกตัวแรงขึ้นมาได้มายาก

SAMSUNG จากเส้นก๋วยเตี๋ยว สู่หนึ่งในบริษัท เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก

และยิ่งประกอบกับการที่เราได้ประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง “โจ ไบเดน” ด้วยแล้ว เราอาจได้เห็นการเปิดกว้างที่มากขึ้น ซึ่งทาง Huawei เองอาจจะไม่ได้โดนแบนกีดกันอย่างหนักหน่วงเช่นเดียวกับยุคของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ดังนั้นแล้ว Huawei จึงเป็นอีกหนึ่งบริษัท ที่น่าจับตามองหลังการเปลี่ยนถ่ายอำนาจในครั้งนี้ก็ว่าได้

แต่ถึงอย่างนั้นเองตัว Samsung ก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้เป็นอันดับ 2 แซงหน้า Apple ที่อยู่อันดับ 3 ซึ่งเป็นอีกเครื่องหมายหนึ่งว่า สมาร์ทโฟนของ Samsung เองก็ยังไม่ได้แพ้แบรนด์ใดในโลก และคงความเป็นผู้นำไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

เรื่องราวบทต่อไปที่อาจช่วยขับเคลื่อน (ประคอง) รายได้ให้ก้าวไปข้างหน้า

หากมองไปในมุมของนักลงทุนเชิงรุกแล้วนอกจากราคาและมูลค่าที่สมเหตุสมผล การมองเกมธุรกิจและสตอรี่ในอนาคต คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น เรามาดูกันว่าในตอนนี้ทาง Samsung เอง มีสตอรี่เรื่องราวพัฒนาธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง

  • หลัก ๆ แล้ว Samsung อาจมองไปที่การผลักดันระบบ 5G ทั้งในส่วนของชิป มือถือและเครือข่ายสัญญาณ ซึ่งการพัฒนาในส่วนนี้อาจเป็นส่วนที่ทำให้ Samsung มีความทัดเทียมกับคู่แข่งมากขึ้น
  • พยายามสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมพยายามตั้งราคามือถือที่รองรับ 5G ให้ถูกลง ซึ่งอาจทำให้ทัดเทียมคู่แข่งได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันสูง หากใครมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ จ้าวอื่น ๆ คงพยายามไล่ตามให้ทันโดยไว
  • ความแน่นอนเรื่องโรคระบาดในเอเชียที่ควบคุมได้ดีกว่ายุโรปและอเมริกา อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของคนเอเชียมีความแน่นอนที่มากกว่า และอาจทำให้ผู้คนกลับมาซื้อสินค้าผลักดันรายได้อีกครั้ง

ทั้งนี้และทั้งนั้นที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นเป็นเพียงมุมมองส่วนตัวนะครับ และเรื่องราวเหล่านี้เป็นข้อมูลในเชิงคุณภาพ ซึ่งอาจมีความผิดพลาดได้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นสิ่งสำคัญของข้อมูลข้างต้นก็คือ Facts หรือข้อเท็จจริง ที่ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนำไปประกอบการตัดสินใจต่อยอดลงทุนเองได้ (ไม่มากก็น้อย)

งบการเงินเบา ๆ จาก Samsung

หลังจากเราได้ดูสตอรี่ธุรกิจของ Samsung กันไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการลงทุน ก็คงเป็นพื้นฐานทางการเงินของบริษัท ที่บ่งบอกได้ทั้งการเติบโต และความปลอดภัย เพราะฉะนั้นผมจึงขอรวม Financial Ratios (อัตราส่วนทางการเงิน) คร่าว ๆ ที่ผมคิดว่าสำคัญของ Samsung มาให้ทุกคนดูละกันครับ

กำไรเติบโต (Earning Growth) 5 ปีย้อนหลัง (เฉลี่ย)   -9.26%

กำไรเติบโต (Earning Growth) 7 ปีย้อนหลัง (เฉลี่ย)   -13.73%

ค่า P/E (รายปี) 19.12 เท่า

ค่า P/BV (รายปี) 1.60 เท่า

หนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) (รายปี) 7.22

สินทรัพย์ระยะสั้นเทียบหนี้สินระยะสั้น (Current Ratio) 2.85 เท่า

มูลค่าตลาด (Market Capitalisation) ราว ๆ 3 แสนล้านเหรียญ**

*ข้อมูลสัดส่วนทางการเงินจาก reuters.com วันที่ 11 พฤศจิกายน 2020

**ข้อมูลเมื่อ 12 มกราคม 2020 ที่มา: koreaherald.com

ข้อจำกัดของ Samsung

ด้วยขนาดมูลค่าตลาดที่ใหญ่และมีการตีตลาดไปทั่วโลกแล้ว จึงอาจทำให้ทุกหน่วยการขายสินค้าของ Samsung นั้นขยายตัวได้ไม่มาก จึงอาจทำให้ในส่วนของการเติบโต Samsung อาจต้องพึ่งพาเรื่องราวสตอรี่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทใหม่ ๆ เพื่อที่จะทำให้ราคาหุ้นเติบโตต่อไปได้ในอนาคต

เพราะฉะนั้นความยิ่งใหญ่ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งก็คงเหมือนดาบสองคม ที่ทำให้บริษัทนั้น ๆ ขยายตัวได้ยากหากไม่มีธุรกิจใหม่ ๆ

โดยส่วนตัวแล้วบริษัทใหญ่ ๆ แบบนี้รอราคาร่วงลงมา จนมูลค่าน่าสนใจแล้วรับซื้อก็ดูจะเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวเลยทีเดียวครับ เพราะ มีความมั่นคงจากงบการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง (เงินสดเยอะ ทรัพย์สินเทียบกับหนี้ระยะสั้น ๆ ค่อนข้างสูง)

ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญก็คือ Huawei ที่เคยเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ในส่วนของชิป Samsung ได้ลงบัลลังก์การเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ

อีกทั้งยังมี Apple ที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแกร่ง มีมูลค่าในเชิงแบรนด์สูง ปล่อย Iphone X และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รวมไปถึงคู่แข่งอื่น ๆ อีกมากมายอย่าง Oppo, Vivo และ Xiaomi

จนทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้กำไรต่อหุ้นของ Samsung ค่อนข้างน่าหดหู่ในรอบปี 2018 และ 2019 ครับ และเราก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Samsung จะมีทีเด็ดอะไรขึ้นมางัดสู้ใหม่กันบ้าง

ดู ๆ แล้วทุกอย่างดูเหมือนจะแย่ไปเสียหมด แต่ถึงอย่างนั้นก้อย่างที่บอกไปครับ เราอาจไม่ต้องเล่น Samsung ในแง่ของการเติบโต แต่ไปเล่นในแง่ของสินทรัพย์และงบการเงินที่แข็งแกร่ง ยามที่ราคาร่วงลงมาก็ดูจะเป็นวิธีที่น่าสนใจและสมเหตุสมผลเลยทีเดียวครับ

กองทุนอะไรถือ Samsung บ้าง?

เชื่อว่ามาถึงจุด ๆ นี้หลายคนคงเริ่มมีคำถามกันแล้วว่า ถ้าอยากลงทุนในกองทุนที่มี SAMSUNG มีกองทุนอะไรบ้าง? คำตอบก็อยู่ตามรายชื่อด้านล่างนี้เลยครับ

TMBAGLF

สรุปแล้วสตอรี่ของ Samsung ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการอาศัยโอกาสในช่วงวิกฤติที่หนักหน่วง และอาศัยการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงนั้น จนสร้างเนื้อสร้างตัว ปรับเปลี่ยนและพัฒนาธุรกิจ จนกลายมาเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้

ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

Mr. Serotonin

References

https://koreajoongangdaily.joins.com/2020/05/17/industry/Samsung-Electronics-Apple-ATT/20200517180400178.html

https://www.cnbc.com/2018/08/13/samsung-shares-39-billion-wiped-off-this-year.html

https://whatcompetitors.com/samsung/

https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/

http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200112000166

https://www.reuters.com/companies/005930.KS/key-metrics

iran-israel-war