
คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อในเรื่องนิสัยรักการออมมานานหลายทศวรรษ โดยเลือกฝากเงินไว้ในธนาคารเป็นหลัก ไม่ค่อยที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
แต่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่กำลังมีแนวคิดทางการเงินที่เปลี่ยนไปจากอดีต โดยเฉพาะมุมมองต่อการลงทุน แม้จะเห็นถึงความเสี่ยงของตลาด แต่กลับเลือกที่จะเรียนรู้อยู่กับความไม่แน่นอน มากกว่าหลีกเลี่ยงด้วยการเก็บเงินไว้เฉย ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดในกลุ่ม Gen Z
จำนวนบัญชี NISA (โครงการออมเงินเพื่อการลงทุนระยะยาว) ที่ถือครองโดยคนอายุต่ำกว่า 40 ปี เพิ่มขึ้นจาก 5.8 ล้านบัญชีในปี 2023 เป็น 7.4 ล้านบัญชีในปี 2024 สะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของคนรุ่นใหม่ในการลงทุน
ข้อมูลจากสมาคมทรัสต์เพื่อการลงทุนของญี่ปุ่น ระบุว่า สัดส่วนของผู้ที่มีอายุ 20 ปีที่ลงทุนในหุ้น กองทุน และตราสารหนี้ เพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2016 เป็นมากกว่า 36% ในปี 2024 ส่วนกลุ่มวัย 30 ปี เพิ่มขึ้นจาก 24% เป็น 42.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่น ส่งเสริมความรู้ทางการเงินในกลุ่มเยาวชน ผ่านการปรับปรุงหลักสูตรในโรงเรียนมัธยม และจัดทำสื่อการเรียนรู้เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีความเข้าใจและสนใจการลงทุนยิ่งขึ้น
แนวโน้มที่คนรุ่นใหม่หันมาลงทุนมากขึ้น ทำให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติจากการออมเงินแบบเดิม ๆ ไปสู่การมองหาวิธีการเพิ่มมูลค่าผ่านการลงทุน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาเศรษฐกิจ และความกังวลเกี่ยวกับระบบบำนาญด้วย
NISA (Nippon Individual Savings Account) คือ มาตรการส่งเสริมการออมและการลงทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีจากกำไรและเงินปันผล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นสำคัญให้สัดส่วนการถือหุ้นของคนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปี 2024 ญี่ปุ่นได้ปรับปรุง NISA ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการลงทุนระยะยาว แบ่งเป็นประเภทบัญชี
- Growth Investment เน้นการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมทั่วไป
- Tsumitate Investment เน้นการลงทุนแบบทยอยรายเดือน (DCA)
พร้อมปรับให้ปลอดภาษีตลอดชีพ สำหรับกำไรและปันผล เพื่อส่งเสริมการออมวัยเกษียณ แทนที่จะเก็บเงินในรูปแบบเงินฝากดอกเบี้ยต่ำ
Source: Bloomberg, Chosun Biz, Workpoint Today