
จากกรณีที่ “ค่าเงินบาท” แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และมีการตั้งข้อสงสัยว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ คือ สาเหตุหลักที่ทำให้เงินบาทแข็ง เพราะเห็น Correlation ระหว่างราคาทองกับบาทสูง จึงเกิดเป็นแนวคิดอยากจะเก็บภาษีการค้าขายทองคำ เพื่อสกัดปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อีกมุมมองจาก ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร โพสผ่าน Facebook ส่วนตัวโดยตั้งข้อสังเกตว่า การส่งออกทองคำเป็นแค่อาการปลายทาง ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้บาทแข็ง ?
แต่ที่น่าสนใจคือใน Balance of Payments (BOP) ของไทย มีรายการ Net Errors & Omissions (NEO) หรือธุรกรรมที่ไม่สามารถอธิบายได้ ขยายตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่ามีเงินเข้า–ออกจำนวนมากที่เรายังไม่แน่ใจว่าคืออะไร
ปกติแล้ว NEO เป็นเรื่องธรรมดาของสถิติ เพราะไม่มีทางเก็บข้อมูลได้เป๊ะทุกดอลลาร์ แต่ควรจะเป็นแค่ ‘เศษข้าวติดหม้อ’ ที่ไม่ต้องสนใจมาก error ที่ดีควรจะเล็ก มาชั่วครู่ชั่วคราวและหายไป และควรจะ error ได้ทั้งสองฝั่ง แต่ของไทยกลับผิดปกติ เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- NEO ใหญ่ ถึงไตรมาสละ 3–4 พันล้านดอลลาร์
- NEO ต่อเนื่องแบบนี้มา 2 ปีแล้ว
- NEO เอียงข้างเดียว เป็นบวกติด ๆ กันหลายไตรมาส โดยเฉพาะหลังโควิด
สะท้อนว่าเราอาจจะยังเข้าใจเงินไหลเข้าออกประเทศไม่ดีพอก็ได้ และตราบใดที่เราไม่เข้าใจว่า flows เหล่านี้มีพฤติกรรมอย่างไร ก็อาจจะตอบไม่ได้ว่ามีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เงินบาทแข็งอีกไหม และอาจจะทำไปสู่นโยบายที่ผิดพลาด และสร้างปัญหาอื่นตามมาได้
เช่น เห็น correlation ระหว่างราคาทองกับบาทสูง ก็อยากจะเก็บภาษีการค้าขายทองคำ แต่ถ้าต้นเหตุบาทแข็งไม่ได้เกิดจากการค้าทองคำ นโยบายแบบนี้ก็อาจจะการสร้างความบิดเบือนให้กับตลาดทองคำ โดยไม่ได้แก้ปัญหาบาทแข็งที่ต้นทาง
แบงก์ชาติ เร่งพิสูจน์เงินไม่รู้ที่มา
ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตอบกรณีเงินไหลเข้าประเทศที่ไม่รู้ที่ไปที่มา หรือความคลาดเคลื่อนสุทธิในดุลการชำระเงิน (Net Errors and Omissions: NEO) ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปี ว่า NEO ไม่ได้เป็นปัจจัยที่กดดันค่าเงินบาทเพิ่มเติม เนื่องจากทุกการไหลเข้าออกของเงินในบัญชีดุลการชำระเงิน (Balance of Payment: BOP) กดดันเงินบาทตั้งแต่แรกในทุกเม็ดอยู่แล้ว
แต่ยอมรับว่า NEO อาจเป็นเงินสีเทา หรือมาจากการฟอกเงินได้เช่นกัน เป็นเหตุให้ ธปท. หาที่มาไม่เจอ ซึ่งปัจจุบันเราได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างใกล้ชิด เพื่อพิสูจน์หาที่มาที่ไป
ยืนยันว่าค่าเฉลี่ย Errors ของไทย ต่ำกว่ากลุ่มประเทศเอเชียรายได้ปานกลาง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ในช่วง 10 ปีย้อนหลัง (ระหว่างปี 2014-2023)
สาเหตุของ NEO เกิดขึ้นได้ในหลายกรณี เช่น
– ความช้าของข้อมูลที่บริษัทต่างชาติในประเทศไทยส่งกำไรกลับประเทศ
– ข้อมูลนักท่องเที่ยวเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลไทย
– ชาวต่างชาติแต่งงานกับคู่ชีวิตคนไทย นำเงินเข้าไทย แต่ให้คู่ชีวิตเป็นคนซื้อคอนโดหรือบ้าน
– การระบาดของโควิด ซึ่งนำไปสู่การซื้อขายออนไลน์ในรูปแบบไม่ผ่านแพลตฟอร์ม โดยเป็นการค้าขายที่ซับซ้อนมากขึ้น
ที่มา: Pipat Luengnaruemitchai, The Standard
