หุ้นไทย vs หุ้นเวียดนาม

ตลาดหุ้นไทยกำลังจะถูกเวียดนามแซง !? เปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ในแต่ละแง่มุมระหว่างไทยกับเวียดนาม ทั้งแผนพัฒนาประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจ มูลค่าตลาดหุ้น ผลตอบแทนย้อนหลัง เงินปันผล มูลค่าความถูกแพง และจุดเด่นจุดด้อยที่ต้องรู้

  • สนใจกองทุนหุ้นไทย → แนะนำ TISCOHD-A
  • สนใจกองทุนหุ้นเวียดนาม → แนะนำ PRINCIPAL VNEQ-A

1. การเติบโตทางเศรษฐกิจ

Source: PWC The World 

คาดการณ์ GDP in PPP Annual Growth Rate ในช่วง 10 ปี (2011-2030) เวียดนามโตเฉลี่ย 5.6% ต่อปี โดดเด่นกว่าไทยชัดเจนที่โตเฉลี่ยเพียง 2.8% ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2050

แม้ตอนนี้มูลค่าเศรษฐกิจไทย ยังคงทิ้งห่างเวียดนามกว่าช่วงตัว แต่หากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศยังวิ่งด้วยความเร็วประมาณนี้ แปลว่าเวียดนามจะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าไทยในอีก 15 ปีข้างหน้าเท่านั้น

2. แผนพัฒนาประเทศ

ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศระหว่างไทยกับเวียดนามนั้นมีหมุดหมายที่เหมือนกันคืออยากเป็นประเทศรายได้สูง ซึ่งไทยตั้งเป้าไว้ภายในปี 2037 ส่วนเวียดนามเล็งไว้ที่ปี 2045 

สิ่งที่รัฐบาลไทยพยายามผลักดันในเวลานี้ก็คือการเปลี่ยนจากประเทศอุตสาหกรรม สู่ภาคบริการมากขึ้น เช่น Food Security และ Wellness เพราะสามารถพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และตอบโจทย์โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย

ในขณะที่เวียดนามประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยงบประมาณ 10% ของ GDP เพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เน้นกระตุ้นการเติบโตในประเทศ ลดพึ่งพาการส่งออก พร้อมทะเยอะทะยานสู่การเป็น Semiconductor and AI Hub ของภูมิภาค

3. ศักยภาพตลาดหุ้น

มูลค่า Market Cap. รวมของตลาดหุ้นไทยทั้ง SET และ mai อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านล้านบาท และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ด้านตลาดหุ้นเวียดนาม Market Cap. อยู่ที่ประมาณ 8 ล้านล้านบาท ยังตามหลังไทยอยู่ครึ่งตัว และปัจจุบันถูกจัดในกลุ่มตลาดชายขอบ (Frontier Market) แต่เวียดนามกำลังเดินหน้าปฏิรูปตลาดทุนอย่างจริงจัง เพื่ออัปเกรดขึ้นสู่ Emerging Market ในเร็ว ๆ นี้

กำไรตลาดหุ้นเวียดนาม โตแกร่งกว่าหุ้นไทย

Source: Finnomena Funds, Bloomberg data as of 18/08/2025

ส่วนข้อได้เปรียบของหุ้นเวียดนาม คือบริษัทจดทะเบียนมีกำไร (Market EPS) โตแกร่งกว่าหุ้นไทย ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสการเติบโตที่สูงในอนาคต

Valuation หุ้นไทยแพงน้อยลง เมื่อเทียบกับหุ้นเวียดนาม

Source: Finnomena Funds, Bloomberg data as of 18/08/2025

อย่างไรก็ดี Valuation หุ้นไทยแพงน้อยลง เมื่อเทียบกับหุ้นเวียดนาม แม้ P/E หุ้นไทยจะสูงกว่าหุ้นเวียดนามเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ตลาดหุ้นไทยถูกกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 

จุดเด่นหุ้นไทยปันผลสูง โดยเฉพาะ SETHD

Source: Finnomena Funds, Bloomberg data as of 18/08/2025

อีกจุดที่หุ้นไทยเอาชนะหุ้นเวียดนาม นั่นคือการจ่ายปันผลที่สูงกว่า ด้วย Dividend Yield ของ SET เฉลี่ยที่ 4.18% ต่อปี และถ้านับเฉพาะ SETHD จะมี Dividend Yield สูงถึง 6.56% ต่อปี

4. สรุปจุดเด่นและจุดอ่อนในการลงทุน

ตลาดหุ้นไทย 

  • จุดเด่น คือ เป็น Cash Cow จ่ายเงินปันผลสูง 
  • จุดอ่อน คือ การเติบโตของกำไรต่ำ เศรษฐกิจเติบโตต่ำ และยังไม่มี New S-curve ที่ชัดเจน 

 

ตลาดหุ้นเวียดนาม 

  • จุดเด่น คือ เป็น High Growth Style จากเศรษฐกิจที่เติบโตสูง และมี FDI ต่างชาติไหลเข้าเป็นจำนวนมาก
  • จุดอ่อน คือ ความผันผวนของค่าเงิน VND อ่อนค่าเฉลี่ย 1.2 ต่อ ทำให้นักลงทุนได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีประเด็นสำคัญที่ยังคงต้องติดตามอย่างการอัปเกรดสู่ Emerging Market ซึ่งอาจตามด้วยความผันผวนระยะสั้น 

5. มุมมอง Finnomena Funds 

ตลาดหุ้นไทย มุมมอง Slightly Positive แนะนำสะสมกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นปันผลสูง และแนะนำกลยุทธ์แบบ Selective & Dynamic ในหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นไม่อิงหุ้นดัชนีอย่าง Definit SET Select

โดยมีปัจจัยหนุนจากการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย ด้าน Valuation ของตลาดยังถูก แต่ประมาณการกำไรถูกปรับลงต่อ จึงแนะนำมองหา Dividend Yield ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นปันผลสูง

ตลาดหุ้นเวียดนาม มุมมอง Neutral จับตา Wait & See ของการ Upgrade สถานะตลาดสู่ EM Market โดยแนะนำถือกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ KKP VGF-UI*

เพราะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นอาจเผชิญแรงขายระยะสั้น (Sell on fact) ซึ่งวันที่ดัชนีมีผล (Effective Date) ของการอัปเกรดเร็วสุดคือเดือนมีนาคม 2026 หลังจากนั้นจึงจะมี Foreign Flow มาเป็นปัจจัยหนุนต่อ

ทั้งนี้ หุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปี แต่แรงขับเคลื่อนกระจุกในหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะหุ้น Vingroup, Vinhomes และ VRE ขณะที่เงินทุนที่ใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Room margin) ของโบรกเกอร์ลดลงเหลือ 45.6% ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2022 สะท้อนการใช้ leverage ที่เพิ่มขึ้น และเป็น Pattern ที่เคยนำไปสู่แรงขายหลัง All-Time High

อัปเดตคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal