มาเริ่มที่ประเด็นแรกเลยครับ
รูปที่ 1: รูปเปรียบเทียบผลตอบแทน A Stotz All Weather Strategy กับสินทรัพย์อื่น ๆ
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2019 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
รูปที่ 2: เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง A Stotz All Weather Strategy และ MSCI World
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2019 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ตั้งแต่ก่อตั้ง พอร์ตการลงทุน All Weather มีการกระจายการลงทุนในหุ้น 45% แต่มีการทบทวนหน้าพอร์ตใหม่ในเดือนกันยายน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน จากเดิม 45% เป็น 65%
รูปที่ 3: ความผันผวนของแต่ละสินทรัพย์
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2019 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ตั้งแต่ก่อตั้ง ความผันผวนของพอร์ต A Stotz All Weather Strategy ต่ำกว่าความผันผวนของตลาดหุ้นโลกอย่างมีนัยสำคัญ จนกระทั่งเดือนกันยายน 25% ของเงินลงทุนถูกแบ่งสัดส่วนไปลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งช่วยลดความผันผวนของกลยุทธ์การลงทุนลงไปอีก
รูปที่ 4: ผลดำเนินงานของ 10 วันที่แย่ที่สุดของหุ้นโลก เทียบกับ A Stotz All Weather Strategy
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2019 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)
ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ลักษณะที่โดดเด่นของ A Stotz All Weather Strategy คือ ตั้งเป้าให้ปรับตัวลงน้อยกว่า ยามตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนนับตั้งแต่ก่อตั้งพอร์ต เมื่อดูข้อมูลของ 10 วันที่ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนย่ำแย่ที่สุด พบว่าผลตอบแทนของ A Stotz All Weather Strategy ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก
ประเด็นหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงิน
เป็นผลบวกต่อทองคำ แต่เป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ
คาดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสหรัฐฯ จะยังไม่เกิดขึ้นจนถึงปีหน้า
มุมมองของตลาดคาดว่ามีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคม และอีกประมาณ 50% คาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมิถุนายน 2020
ซึ่งอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ลดลงจะหนุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นในระยะสั้น
รูปที่ 5: สรุป FVMR หุ้นแต่ละกลุ่มประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ย. 2019
(ที่มา: A.Stotz Investment Research, Thomson Reuters)
พื้นฐาน (Fundamentals): หุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ROE (Return on Equity) สูงที่สุด
มูลค่า (Valuations): ตลาดกำลังพัฒนามีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ค่อนข้างต่ำ และ ญี่ปุ่นมีราคาต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV) ต่ำที่สุด
แนวโน้ม (Momentum): ราคามีการดีดตัวขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวของสัดส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) เป็นเลขสองหลัก ในปี 2020 โดยมีการขยับในทั่วทุกภูมิภาค
ความเสี่ยง: กลุ่มเอเซียแปซิฟิคมีอัตราหนี้สินต่อทุน (gearing) ต่ำที่สุด
Andrew Stotz
**สนใจลงทุนพอร์ต All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจดูข้อมูลและลงทุนในพอร์ตนี้ สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/port/andrew/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนAdvance, Article, GURUPORT, GURUPORT-AWS, Long Content, Product Info