บทสรุป ความเคลื่อนไหวของเฟด เพื่อพลิกโผการพังทลายของตลาดหุ้น โดย Andrew Stotz

สรุปสิ่งที่เฟดทำเพื่อพยุงไม่ให้ตลาดร่วง

  • เข้าซื้อตราสารหนี้ต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน
  • ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% และคงไว้แบบนี้ยาว ๆ
  • ผ่อนคลายกฏเกณฑ์ของธนาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารล้มละลาย และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการกู้ยืม
  • แบกรับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของประชาชนชั่วคราว
  • สนับสนุนการเพิ่มสภาพคล่องของเงินดอลล่าร์ให้ประเทศอื่น ๆ

อัปเดตล่าสุด จากประธาน Powell เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2020:

  • คงดอกเบี้ยอยู่ระดับ 0%-0.25% ไปจนถึงปี 2023 ซึ่งเป็นปีที่พวกเขาคาดว่าเงินเฟ้อจะยืนเหนือ 2% ต่อไป (ใช้วิธีคำนวณค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อแบบใหม่)
  • เน้นยํ้าถึงความสำคัญของการใช้จ่ายภาคบริโภค ไม่ใช่ CPI (ราคาสินค้า)
  • เฟดคาดหวังว่า GDP ของสหรัฐฯ ปี 2020 จะหดตัว 3.7% ไม่ใช่ 6.5% อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน

เอาล่ะครับ ลองมาดูกันว่าสิ่งที่เฟดทำนั้นหมายความว่าอย่างไรบ้าง

อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดนั้นมีแนวโน้มที่จะอยู่ระดับ 0% ไปอีกนาน ทางรัฐจึงได้ประโยชน์จากการจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง อัตราดอกเบี้ยรวมเงินเฟ้อ (Nominal Interest Rate) ที่ต่ำ (แบบที่ไม่ได้ร่วงลง) กดดันอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ (Bond Yield) ส่งผลให้ตราสารหนี้มีความน่าสนใจในเชิงการลงทุนน้อยลง

เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนเป็น 2% โดยเฉลี่ย เอื้อให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นโดยที่เฟดไม่ต้องปรับ Nominal Interest Rate ในระยะสั้น อัตราเงินเฟ้อรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้

โดยปกติแล้ว เฟดจะตอบโต้เงินเฟ้อด้วยการเพิ่มดอกเบี้ย แต่ตอนนี้เฟดมีเป้าหมายปรับดอกเบี้ยเป็นแบบเฉลี่ย ราคาทองคำจึงอาจได้รับผลดีจากเงินเฟ้อที่มากขึ้น ในขณะที่มูลค่าของเงินฝากนั้นอาจลดลง

การคงอัตราดอกเบี้ยที่เป็นตัวเงินให้อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น อาจกดดันอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) รวมถึงตลาดหุ้นอาจปรับตัวขึ้นต่อไปจากนโยบายกระตุ้นในเชิงรุกนอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ค่อนข้างต่ำอาจส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนออกจากสหรัฐฯ จากภาวะผลตอบแทนต่ำ

อัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบนั้นเป็นตัวสูบฉีดตลาดหุ้น และคงให้ต้นทุนทางการเงินของรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ แต่มันก็อาจส่งผลร้ายต่อค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ

บทสรุป ความเคลื่อนไหวของเฟด เพื่อผลิกโผการพังทลายของตลาดหุ้น โดย Andrew Stotz

นโยบายการเงินแบบเชิงรุกนั้นได้ลดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อยังเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และอาจทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง

การอ่อนค่าของเงินนั้นโดยทั่วไปแล้วอาจทำให้ทองคำและหุ้นมีผลตอบแทนที่สูงกว่า นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติมองว่าการลงทุนในสหรัฐฯ มีความน่าสนใจน้อยลง อีกทั้งการอ่อนค่าของเงินอาจส่งผลเสียกับการนำเข้า (ค่าเงินอ่อนค่าลงหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทำให้ นำเข้าสินค้าแพงขึ้น)

หรือการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์ แท้จริงแล้วก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด

บทสรุป ความเคลื่อนไหวของเฟด เพื่อผลิกโผการพังทลายของตลาดหุ้น โดย Andrew Stotz

อธิบายเพิ่มเติม: การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์อาจทำให้สินค้าของสหรัฐฯ ถูกลงกว่าที่เคยเป็น จึงอาจทำให้ขายสินค้าได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อดุลการค้าของสหรัฐฯ

Andrew Stotz

แปลและเรียบเรียงจาก: https://becomeabetterinvestor.net/summary-of-the-feds-moves-to-avert-a-collapse/


**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/guruport-andrew-all-weather-create/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ