รวม 10 คำศัพท์ยอดฮิตติดหูคนไทยในวงการดิจิทัล

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะได้ยินคำศัพท์ใหม่ ๆ จากวงการดิจิทัลกันมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่คนไทยได้ให้ความสนใจในวงการดิจิทัลกันมากขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์หรือเทคโนโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อความบันเทิง การศึกษา และการทำงาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีนั้น ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกการใช้ชีวิตประจำวันในทุกรูปแบบ แม้กระทั่งโลกแห่งการเงินดิจิทิทัลก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้เราได้รวบรวมคำศัพท์จากวงการดิจิทัลที่หลายคนอาจเคยได้ยินมาจากข่าวหรือคอนเทนต์ต่าง ๆ มาดูกันเลยว่าเราเคยได้ยินคำไหนกันบ้าง และแต่ละคำมีความหมายอย่างไร

รวม 10 คำศัพท์ยอดฮิตติดหูคนไทยในวงการดิจิทัล

1. Digital Disruption

การเข้ามาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีด้านดิจิทัลในชีวิต โดยเข้ามา Disrupt หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น การมีอยู่ของ Pager โทรเลข เทป และ Floppy Disk ซึ่งปัจจุบันเรายังเห็นอยู่ที่หน้าจอบนซ้ายของ Microsoft Office แต่เรานึกว่ามันคือสัญลักษณ์แทนคำว่า Save โดยในปัจจุบันการมีอยู่และดับไปของเทคโนโลยีต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดในลักษณะ Exponential

2. Internet of Things (IoT) 

เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนของข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต่างชนิดกันบนเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ต นำมาซึ่งการนวัตกรรมสุดล้ำ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ บ้านอัจฉริยะ และยังนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อีกมากมาย เช่น Internet of Things in the retail industry สำหรับธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ หรือ Internet of Medical Things (IoMT) เทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาปฏิวัติวงการแพทย์ของโลกในปัจจุบัน

3. Cloud

“คลาวด์” ที่ไม่ได้แปลว่าก้อนเมฆบนท้องฟ้า แต่นี่คือ Cloud Computing หรือ การประมวลผลระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคุ้นหูคนยุคใหม่ที่เข้ามาทำให้การจัดเก็บและเข้าถึงแหล่งข้อมูลเป็นเรื่องง่าย เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม เปรียบเสมือนเราเอาข้อมูลนั้นฝากไว้บนก้อนเมฆ แล้วสามารถเรียกใช้งานข้อมูลนั้นได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอีกด้วย

4. Big Data

แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่มากจากการรวมตัวของข้อมูลจาก Cloud หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เพื่อรอวันนำออกมาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ และมีความซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง อ้างอิงจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ที่ได้แบ่งลักษณะที่สำคัญของ Big Data เป็น 5Vs ไว้ดังนี้

  1. Volume มีขนาดใหญ่ปริมาณมหาศาล ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งช่วยให้ประมวลผลได้ดียิ่งขึ้น
  2. Velocity มีความเร็วในการประมวลผลและผลิตข้อมูลเพื่อใช้งานแบบ Real-Time ได้
  3. Variety มีความหลากหลาย ทั้งในรูปแบบภาพ เสียง ตัวเลขและเมทริกซ์ต่าง ๆ
  4. Veracity มีความถูกต้องเชื่อถือได้ เพื่อการประมวลผลที่แม่นยำถูกต้อง
  5. Value มีมูลค่า ยิ่งข้อมูลเหล่านั้นหาได้ยาก มีความเฉพาะ ยิ่งสร้างรายได้มากขึ้น

รวม 10 คำศัพท์ยอดฮิตติดหูคนไทยในวงการดิจิทัล

5. Artificial Intelligence (AI)

คือเทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำ” ที่ใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มาประมวลผล คิด วิเคราะห์ ทำให้คอมพิมเตอร์ หุ่นยนต์ ทุกวันนี้เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างความสามารถให้แก่เครื่องจักรและคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น โดยใช้หลักอัลกอริทึมและกลุ่มเครื่องมือทางสถิติ ที่ทำให้ชาญฉลาดถึงขั้นสามารถเลียนแบบความสามารถของมนุษย์ที่ซับซ้อนได้ เช่น จดจำ แยกแยะ ให้เหตุผล ตัดสินใจ คาดการณ์ สื่อสารกับมนุษย์ เป็นต้น ในบางกรณีอาจไปถึงขั้นเรียนรู้ได้ด้วยตนเองได้ด้วย ระบบที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันคือ Alpha Go ที่เล่น Go ชนะแชมป์โลกที่เป็นคน และ Alpha Star ที่เล่นเกม StarCraft ชนะคนที่เป็นแชมป์และรองแชมป์โลก

6. Blockchain

Blockchain (บล็อกเชน) เทคโนโลยีที่ใช้เป็นสื่อกลางในการดำเนินธุรกรรมทุกอย่างในโลก Metaverse เริ่มต้นจากการสร้างชุดเก็บข้อมูลที่เรียกว่า (Block) แล้วส่งไปเรียงต่อกันเรื่อย ๆ ในลักษณะคล้ายโซ่คล้องกัน เรียกว่า (Chain) โดยเป็นการทำธุรกรรม ด้วยเทคโนโลยีแบบกระจายอำนาจที่ไม่ขึ้นกับตัวกลาง (Decentralized Technology) ทำให้ข้อมูลไม่สามารถถูก Hack ได้ หรือหากมีการโดนเปลี่ยนแปลงข้อมูล ข้อมูลจะถูกซ่อมด้วย Chain ที่ผูกกัน ซึ่ง Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่ทำให้หลายเทคโนโลยีสมบูรณ์ อันเนื่องจากความปลอดภัย เช่น ระบบของ Fintech หรือ Internet of Things (IoT) ที่ไม่สามารถ Hack ได้

7. Fungible และ Non-Fungible Token

Token คือตัวกลางทางการเงินที่ใช้ใน Digital Asset โดยเราเรียกตัวกลางแต่ละหน่วยเรียกว่า Token Fungible Token คือ สินทรัพย์ Digital ที่สามารถทอนหรือแบ่งออกมาได้ แล้วมีมูลค่าในตัวมัน เหมือนเงิน 100 บาท เราสามารถแยกมาเป็น 50 บาท สอง Token (50 x 2 = 100 บาท) ตัวอย่างคือ Cryptocurrency ที่เราพบอยู่ทั่วไปเช่น Bitcoin 1 Bitcoin เราสามารถซื้อทีละ 0.5 Bitcoin ได้

ส่วน Non-Fungible Token (NFT) คือ สินทรัพย์ Digital ที่ไม่สามารถทอนหรือแบ่งออกมาได้ มีเพียงสิ่งเดียวในโลก โดยสิ่งเหล่านี้จะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและจะถูกบันทึกตรวจสอบด้วยระบบ Blockchain ทุกการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยน และด้วยความโปร่งใสไม่มีศูนย์กลางมาควบคุมทำให้เรารู้ได้ว่า NFT ชิ้นนี้ถูกครอบครองโดยใครอยู่ โดยปัจจุบัน NFT กำลังเป็นที่นิยมในวงการศิลปะ สื่อบันเทิง ของสะสม และเกม เป็นต้น

8. Smart Contract

คือ ระบบที่จะช่วยในการเป็นตัวกลางโดยอัตโนมัติ โดยสิ่งนี้มีความสำคัญกับ Digital Disruption มาก คือ ระบบนี้จะทำให้ตัวกลางต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้คน ตัวแทนหรือ องค์กร สมาร์ทคอนแทรคจะมีการระบุกฎระเบียบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายไว้ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการแลกเปลี่ยนเอกสาร หุ้นในบริษัท เงิน สินทรัพย์ และอื่น ๆ อีกมากมายที่มีมูลค่าในตัวมันเอง ที่นิยมใช้คือบนระบบ Ethereum

9. Metaverse

Metaverse คือโลกดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถสื่อสาร ทำกิจกรรม หรือทำงานร่วมกับผู้ใช้คนอื่นได้อย่างเหนือชั้นกว่าโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน โดยจะนำเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เข้ามายกระดับการรับชมและมีส่วนร่วมกับโลกดิจิทัล นอกจากนี้ Metaverse จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชน คริปโตเคอร์เรนซี และ NFT (Non-fungible token) เข้ามาใช้เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการผ่าน Metaverse ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องผ่านตัวกลาง ด้วยแนวคิดดังกล่าว โลกของ Metaverse จะเกิดสื่อและคอนเทนต์รูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมา เหล่าศิลปินสามารถสร้างผลงานรูปแบบใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยี AR หรือ VR ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะแบบ 3 มิติ เครื่องแต่งกายสำหรับอวตารของผู้ใช้บน Metaverse เป็นต้น หรือจะขายผลงานโดยใช้เทคโนโลยี Cryptocurrency และ NFT ก็ได้เช่นกัน หาก Metaverse ประสบความสำเร็จก็จะทำให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกด้วย

รวม 10 คำศัพท์ยอดฮิตติดหูคนไทยในวงการดิจิทัล

10. Cryptocurrency

คริปโตเคอร์เรนซี คือสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกเข้ารหัสใช้แลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า ‘บล็อกเชน’ (Blockchain) ซึ่งทำงานแบบกระจายศูนย์ ไม่ต้องอาศัยคนกลางมาควบคุม ซึ่งจริง ๆ แล้วคริปโทเคอร์เรนซี เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Blockchain เพราะเทคโนโลยี Blockchain ทำให้เกิดการไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ พันธบัตรหรือเงิน ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหาการปลอมแปลงขึ้นบ่อยจึงทำให้เกิดคริปโตเคอร์เรนซีขึ้นมา นอกจากนี้คริปโตเคอร์เรนซี ก็ถูกนำมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแทนเงินในโลกของดิจิทัล เช่น หากเราต้องการซื้อที่บน Decentraland เราเอาเงิน Dollar หรือ Fiat Money ไปซื้อไม่ได้ เราต้องใช้ Token คือเหรียญ Mana ไปซื้อมาได้เช่นกัน

Bitkub.com


คำเตือน

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูล รวมทั้งลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้