Value Investing แปลเป็นไทยว่าการลงทุนเน้นคุณค่า เรียกย่อๆ ว่า “VI”

เป็นหนึ่งในหลักการลงทุนที่ป๊อปมากกกกกในวงการลงทุนไทยมากที่สุดหลักการหนึ่ง สาเหตุที่ป๊อปนั่นก็เพราะ VI เป็นหลักการที่ปรมาจารย์การลงทุนที่โด่งดังมากที่สุดในไทยถึง 2 คนใช้ในการลงทุน

ปรมาจารย์ทั้ง 2 ท่านก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นั่นเอง

แล้ว Value Investing (VI) หรือการลงทุนแบบเน้นคุณค่านี้เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนหรือไม่?

เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนมีงานประจำและภาระด้านต่างๆ ที่ต้องดูแล ปัจจัยสำคัญคือเรื่องเวลา ลงทุนได้แต่ต้องใช้เวลาให้น้อยเพราะไม่มีเวลามานั่งเฝ้าจอทั้งวันเหมือนเทรดเดอร์ และก็ไม่มีเวลามานั่งวิเคราะห์หุ้นลึกๆ ตาม Company visit แบบผู้จัดการกองทุน

Value Investing เป็นหลักการลงทุนที่ใช้เวลาน้อย ทำให้เป็นวิธีการลงทุนที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องใช้เวลาเลย ! ดังนั้นหากจะลงทุนแบบ VI คุณจะยังคงต้องทำการบ้านบ้างเพื่อให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

ผมได้สรุปหลักการที่ปรับปรุงใช้หลักการลงทุนของ VI แต่ปรับให้ใช้ง่ายขึ้นทำตามได้ง่ายเป็น 5 ข้อดังนี้

ข้อหนึ่ง VI ต้องลงทุนอย่างมีเหตุผล มีสติ

มองภาพง่ายๆ ก็คืออย่าซื้อตามอารมณ์แต่ต้องมีเหตุผลในการซื้อที่ดีพอ ไม่ใช่เห็นหุ้นขึ้นเยอะๆ ก็ไปซื้อตาม คุณจะต้องมองให้ออกว่าหุ้นตัวนั้นมีโอกาสเติบโตได้หรือไม่? ธุรกิจมีความแข็งแกร่งหรือเปล่า? ราคาในปัจจุบันถูกหรือแพงแค่ไหน? ในเรื่องของราคานี้สำคัญมาก หุ้นจะราคาถูกหรือแพงไม่ได้ดูที่ราคา แต่สามารถเช็คเปรียบเทียบได้ด้วยอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ เช่นค่า P/E และอัตราการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น

ข้อสอง ลงทุนอย่างมีสติ อย่าไปเชื่อข่าว “วงใน” ให้มาก

ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวควรจะใช้สติไตร่ตรองให้ดีว่า ข่าวนั้นมีโอกาสเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน? แล้วถ้าเป็นจริงแต่กว่าจะส่งผลดีกับบริษัทก็อีกหลายปี ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นมาตอนนี้อาจจะแพงไปแล้วก็ได้ ส่วนใหญ่แล้วถ้ามีข่าวดีแต่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาระดับหนึ่ง ราคามักจะแพงเกินไปและตามมาด้วยการตกลงอย่างหนักในภายหลัง ซึ่งเราก็เห็นๆ กันอยู่บ่อยๆ ในตลาดหลักทรัพย์

ข้อสาม ลงทุนระยะยาว

การลงทุนคือการวางเงินลงทุนของเราในวันนี้ เพื่อให้มันออกดอกออกผลเป็นกำไรให้เราในอนาคต อนาคตที่ว่าคือระยะเวลา 3-5 ปี อย่างตํ่าสุดๆ คือหวังผลใน 1 ปี มองการลงทุนเหมือนการปลูกต้นไม้ ให้การลงทุนโตไปตามธรรมชาติ ถ้าเราเลือกลงทุนในกิจการที่มีการเติบโต และราคาไม่แพงนัก ส่วนใหญ่แล้วมักจะเติบโตมีกำไรได้แทบจะแน่นอน ในระยะยาว 3-5 ปี เวลาคือเพื่อนแท้ของนักลงทุน

ข้อสี่ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง

การตัดสินการลงทุนของเราด้วยกำไรหรือขาดทุนเพียงหนึ่งหรือสองครั้งนั้นเป็นการด่วนตัดสินใจจนเกินไป ที่สำคัญคือมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำไรจากการลงทุนทุกครั้ง ถ้าวิธีของเราถูกต้องเมื่อลงทุนอย่างต่อเนื่องกำไรในตอนหลังจะจัดการขาดทุนในตอนแรกได้เอง คุณอาจจะตั้งเป้าลงทุนอย่างต่อเนื่องแบบ DCA หรือ Dollar Cost Averaging ก็ได้

ข้อห้า ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ และสำคัญที่สุดคือการลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจเป็นอย่างดีเท่านั้น

นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นบริษัทขายอาหาร หรือทำร้านค้าปลีกได้รับความนิยม ก็เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและเข้าใจได้ง่ายนั่นเอง การลงทุนในสิ่งที่ยากเกินไปเกินความเข้าใจของเรามากๆ จะทำให้การลงทุนกลายเป็นการพนัน เพราะคุณจะไม่สามารถประเมินอะไรได้เลย

สรุปแล้วมนุษย์เงินเดือนลงทุนแบบ VI ดีไหม?

คำตอบก็คือดี เพราะเป็นวิธีที่ใช้เวลาน้อย มีหลักการลงทุนที่ใครๆ ก็สามารถเข้าใจได้ ถ้าลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยหลักการที่ถูกต้องแล้วจะสามารถสร้างผลกำไรในระยะยาวได้อย่างแน่นอน สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือแม้จะใช้เวลาน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องใช้เวลากับมันเลย การศึกษาการลงทุนแบบ VI ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น และยิ่งศึกษามากโอกาสประสบความสำเร็จยิ่งสูงมากขึ้นเป็นเงาตามความรู้ที่มี

iran-israel-war