buffett-code-stock-bird

คำว่า “นก” ในชีวิตประจำวันถ้าเป็นคำกิริยาคือหมายถึงการที่เราชอบใครซักคน แล้วคุยๆ กันอยู่เขาก็หายไปโดยไม่บอกลา เหมือนกับ “นก” ที่บินมาเกาะหน้าต่างให้เราดูเพลินๆแล้วก็บินหายไป หากเป็นนักลงทุนที่อยู่ในตลาดมาซักระยะ ต้องเคยผ่านประสบการณ์สำเร็จและล้มเหลวมาบ้างผมคิดว่าคงไม่มีใครไม่เคยเจอ หุ้น “นก” แบบกำลังดูๆหุ้นอยู่ กำลังวิเคราะห์เพลินๆสุดท้ายพอทุกอย่างดูดี ลงตัว ใกล้จะตัดสินใจซื้อ หุ้นตัวนั้นกลับวิ่งออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย

ผมคิดว่าการแก้อาการ “หุ้นนก” นั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกันครับ

วิธีแรก เมื่อหุ้นนกไปแล้วสิ่งที่เราทำได้คือรอคอยครับ

ระหว่างที่หุ้นขึ้นไปเราก็ติดตามข้อมูลห่างๆครับ น้อยครั้งมากที่หุ้นจะขึ้นไปอย่างยาวนานโดยไม่มีการลงเลย แต่การลงในแต่ละครั้งนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่ราคาที่ลงมาแต่เป็นตัวเราเองที่ควรต้องรู้ว่าราคาที่ลงมานั้นเป็นราคาที่ลงมานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่? เทียบกับตอนที่นกไปตอนนั้นถูกหรือแพงแล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ซึ่งเราอาจจะวัดด้วยค่า P/E หรือ EV/EBITDA ก็ได้ แต่ไม่ใช่วัดด้วยราคาครับ

นอกจากการวัดความถูกแพงแล้วเราอาจจะต้องดูปัจจัยเชิงคุณภาพอย่างศักยภาพของบริษัทและการเติบโตด้วยว่ายังเป็นเหมือนเดิมหรือไม่? หุ้นบางตัวขึ้นไปแรงมากเพราะมีกำไรพิเศษที่มีมาแค่ครั้งเดียวหลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลยหากเราเข้าไปซื้อตอนที่หุ้นลงมาอาจจะหนักกว่า “นก” คือกลายเป็น “ดอย” แทนได้

วิธีที่สอง เราอาจจะไล่ตามไปซื้อก็ได้หากหุ้นนั้นยังไม่แพง

แต่วิธีนี้มีโอกาสเสี่ยงติดดอยมากๆครับ แม้บางทีจะเป็นดอยระยะสั้นก็ตามซึ่งเราอาจจะต้องทำใจไว้ล่วงหน้าก่อนว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นที่ขึ้นมามากๆในระยะเวลาอันสั้นอาจจะโดนขายลงมาได้ สิ่งที่เราต้องทำคือเช็คข้อมูลต่างๆ และประเมินมูลค่าให้ละเอียดขึ้น เช็คข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อที่เราจะได้มั่นใจได้ว่าหุ้นตัวนั้นยังอยู่ในราคาที่ถูกจริงๆ การไล่ซื้อนั้นหากเป็นไปได้ผมอยากแนะนำให้ซื้อเพียงส่วนหนึ่งครับ และแบ่งเงินไว้อีกส่วนหนึ่งเผื่อหุ้นตกลงมาเราก็ไม่เสียโอกาสในการซื้อของถูก ถ้าหุ้นขึ้นไปเราก็ได้กำไร สิ่งสำคัญก็เหมือนกับข้อที่ 1 ครับ คือเราต้องทำความเข้าใจและประเมินมูลค่าที่แม่นยำออกมาให้ได้ครับ

วิธีสุดท้าย ถ้าหุ้นมันขึ้นไปมากแล้วเราเองก็ไม่มั่นใจว่ามันจะยังเป็นการลงทุนที่ดีอยู่อีกไหม

ลืมมันซะเถอะครับตลาดหุ้นมีหุ้นกว่า 700 ตัวผมเชื่อว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งย่อมต้องมีหุ้นดีๆเหลืออยู่อีกมากดังนั้นอย่าไปยึดติดมากว่าจะต้องเป็นหุ้นตัวนั้น ตัวนี้เท่านั้น และจงจำไว้เสมอว่าเราเป็นนักลงทุนเข้าตลาดหุ้นมาเพื่อจุดประสงค์ก็คือการทำเงินจริงไหมครับ? แหมคงไม่มีใครตลาดมาแล้วอยากเสียเงินเนอะ ดังนั้นจะเป็นหุ้นตัวไหนผมคิดว่ามีความสำคัญน้อยกว่าความรู้ของเราที่รู้ว่าหุ้นตัวนั้นยังมีราคาที่เหมาะสมและมีโอกาสในการเติบโตหรือไม่ครับ บางครั้งเมื่อโอกาสไม่ใช่ของเราๆก็ควรจะปล่อยมันไป ทำใจ กลับมาศึกษาเพิ่มเติมและเริ่มต้นใหม่ครับ สิ่งที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นคือตลาดให้โอกาสกับคนที่ไม่ยอมแพ้เสมอ (ในวันที่ตลาดเปิดนะ 555)

ที่มาบทความ : http://buffettcode.com/หุ้น-นก