FINNOMENA The Opportunity Morning Brief 19/07/2021

“OPEC บรรลุข้อตกลง เพิ่มกำลังผลิตน้ำมันเป็นปกติใน ก.ย. 2022”

ภาพความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาดหุ้นทั่วโลก 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones -299.17 จุด (-0.86%) S&P500 -32.87 จุด (-0.75%) Nasdaq -115.90 จุด (-0.80%) Small Cap 2000 -29.29 จุด (-1.34%) VIX index อยู่ที่ 18.45 (+8.47%)

ตลาดหุ้นยุโรป Euro Stoxx 50 -20.62 จุด (-0.51%) Dax เยอรมัน -89.35 จุด (-0.57%) CAC 40 ฝรั่งเศส -33.28 จุด (-0.51%)

ตลาดหุ้นเอเชียล่าสุด (เช้าวันที่ 19 ก.ค. 2564) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลบกว่า 1.2% ตลาดหุ้นจีน CSI 300 ลดลง 0.2% และตลาดหุ้นฮ่องกงลดลงประมาณ 2% และ SET Index เปิดลบประมาณ 1.1%

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (เช้าวันที่ 19 ก.ค. 2564) ราคาทองคำ 1,812.55 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Silver ราคา 25.52 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ WTI 70.56 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Brent 72.58 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

ราคา Cryptocurrency (เช้าวันที่ 19 ก.ค. 2564) Bitcoin 31,566.9 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Ethereum 1,882.86 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Dogecoin 0.1758 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Binance Coin 298.75 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

สัปดาห์นี้จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 บริษัทที่น่าสนใจ เช่น IBM, Netflix, Coca Cola, ASML, Verizon, Intel, Twitter, และ  Johnson – Johnson เป็นต้น

ภาพรวมสินทรัพย์ทั่วโลกที่ปรับตัวได้ดีและแย่ที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ 3 อันดับแรก กลุ่มที่ปรับตัวในทิศทางบวก – หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (+1.1%), ทองคำ (+0.5%) และตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (+0.4%) ปรับตัวในทิศทางลบ – น้ำมัน (-3.8%), ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (-2.0%) และตลาดหุ้นสหราชอาณาจักร (-1.6%)

ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวได้ดีและแย่ที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ 3 อันดับแรก กลุ่มที่ปรับตัวในทิศทางบวก – ตลาดหุ้นจีน H-Shares (+1.8%), ตลาดหุ้นไทย (+1.6%) และตลาดหุ้นอินเดีย (+1.5%) ปรับตัวในทิศทางลบ – ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ (-3.2%), ดัชนี Nasdaq (-2.1%) และดัชนี Nikkei 225 (-2.0%)

ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวได้ดีและแย่ที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ 3 อันดับแรก กลุ่มที่ปรับตัวในทิศทางบวก – Utilities (+2.3%) และ Consumer Staples (+1.5%) ปรับตัวในทิศทางลบ – Energy (-7.6%), Consumer Discretionary (-3.2%) และ Materials (-2.6%)

ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนล่าสุดอยู่ที่ +0.6% MoM ดีกว่าที่คาดการณ์

Xiaomi แซงหน้า Apple ขึ้นเป็นผู้ผลิตมือถืออันดับ 2 ของโลก โดยใช้กลยุทธ์ราคาที่ถูกกว่า ในการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด โดยในไตรมาสที่ผ่านมาส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 3 อันดับแรก คือ Samsung 19%, Xiaomi 17% และ Apple 14%

ที่ประชุมกลุ่ม OPEC+ มีมติหยุดการลดกำลังการผลิต และจะเพิ่มกำลังการผลิตให้กลับมาเป็นปกติในเดือนกันยายนปี 2022 ภายหลังบรรลุข้อตกลงในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

คาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ค่ากลางอยู่ที่ 64 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 และ 66.9 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 และปรับลดลงเหลือ 60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2022 ส่วนคาดการณ์ราคาน้ำมัน Brent ค่ากลางอยู่ที่ 67 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 และ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 และปรับลดลงเหลือ 65 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2022 โดยมี Fund Flow ไหลเข้ากลุ่มพลังงานในปี 2021 เทียบกับที่ไหลออกในปี 2020 ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลงสอดคล้องกับ 10 Year Breakeven Inflation หลังจากก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกันในบางระยะเวลา

ราคาหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ (ADR) ปรับตัวได้ดีกว่าดัชนี Shanghai Composite ทางการจีนเตรียมเข้ามาควบคุม โดยกำหนดให้บริษัทจีนที่ต้องการจะเข้าไปจดทะเบียนในต่างประเทศต้องทำการขออนุญาติก่อน ดัชนี MSCI China ยังมีมูลค่าไม่ได้ถูกเมื่อเทียบกับ S&P500 ดัชนี CSI300 มีมูลค่าอยู่ที่ค่าเฉลี่ยระยะยาวเมื่อเทียบกับ S&P500 ขณะที่ทิศทางราคาและประมาณการกำไรของ MSCI China และ CSI300 น้อยกว่า S&P500

Tesla เริ่มต้นเสนอบริการเช่ารายเดือนสำหรับระบบขับเคลื่นอัตโนมัติ (FSD) เริ่มต้นที่ 99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ใช้บริการเดิม และ 199 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้ใช้งานใหม่ นักวิเคราะห์แนะนำซื้อหุ้น Tesla 19 ราย แนะนำถือ 15 ราย และแนะนำขาย 10 ราย ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 638.56 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ออกมาเตือน หลังจากเห็นสัญญาณฟองสบู่ในกองทุน ARKK โดยให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 105 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจุบัน 116.53 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Fund Flow กลุ่ม ARK โดยส่วนใหญ่ยังเห็นทิศทางการไหลออกทั้งในรอบ 3 เดือน และ 1 สัปดาห์ ขณะที่ในรอบ 1 เดือน มี ARKK, ARKW และ ARKF ที่มี Fund Flow สลับไหลเข้า

มีการตรวจพบนักกีฬาที่เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก 2020 เพิ่มขึ้นอีกเป็น 3 ราย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาแสดงความเป็นห่วงว่าการที่อังกฤษกำลังเตรียมจะยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะเริ่มในวันนี้ จะเป็นอันตรายต่อทั่วโลก โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันของสหราชอาณาจักรปรับตัวทะลุเกิน 50,000 รายต่อวัน

สิงคโปร์รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 90 ราย สูงที่สุดในรอบ 1 ปี ขณะที่เวียดนามทำการล็อคดาวน์ฮานอย หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากเกือบ 6,000 รายในรอบ 1 วัน

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในไทยอยู่ที่ 11,784 ราย (ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,684 จากในเรือนจำ 100 ราย) เสียชีวิตเพิ่ม 81 คน ผู้หายป่วยกลับบ้าน 5,741 ราย หายป่วยสะสม 262,225 ราย ตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนรวม 14.2 ล้านคน ณ วันที่ 17 กรกฎาคม

คาดการณ์จาก Krungsri Research คาดการณ์การติดเชื้อ Worst Case มีโอกาสพบผู้ติดเชื้อสูงสุดราวๆ 20,000 กว่าคนต่อวัน Base Case ประมาณ 15,000 คนต่อวัน และ Best Case ประมาณ 10,000 คนต่อวัน ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงมา คาดการณ์ GDP ปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 1.2% YoY คาดการณ์นักท่องเที่ยว 2.1 แสนคน ทางด้าน KKP Research คาดการณ์ GDP ปี 2021 ที่ 1.5% YoY และคาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP จะกลับไปเทียบเท่าก่อน COVID-19 ในปลายปี 2022 โดยการฉีดวัคซีนเป็นปัจจัยที่มีสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย

กพท. ออกประกาศห้ามสายการบิน บินเข้าออก 13 จังหวัดสีแดงเข้ม (ควบคุมและเข้มงวดสูงสุด) มีผล 21 กรกฎาคมนี้

The Opportunity

กองทุน Emerging Market ที่มี Sharpe Ratio สูงที่สุด 3 อันดับแรก คือ TMBEMEQ, ABGEM และ 1AM – GEM ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ABGEM โดดเด่นที่สุด ขณะที่ YTD. TMBEMEQ และ ABGEM ทำได้ดีกว่ากลุ่ม

เปรียบเทียบ TMBEMEQ และ ABGEM ในส่วนของ 3D Diagram – Past Performance ABGEM ดีกว่า Risk Adjusted Return ABGEM ดีกว่า ขณะที่ Maximum Drawdown TMBEMEQ ดีกว่า

TMBEMEQ ลงทุนใน iShares MSCI Emerging Markets ETF หุ้น 5 อันดับแรก TSMC 6.15%, Tencent Holdings 4.96%, Alibaba Group Holdings 4.85%, Samsung Electronics 3.96% และ Meituan 1.60% ลงทุนในจีน 36.52%, ไต้หวัน 14.43%, เกาหลีใต้ 13.17%, อินเดีย 10.12% และบราซิล 5.26% รายกลุ่มอุตสาหกรรม Information Technology 20.86%, Financials 17.77% และ Consumer Discretionary 16.97%

ABGEM ลงทุนใน Aberdeen Standard SICAV I – Emerging Markets Equity Fund หุ้น 5 อันดับแรก TSMC 9.1%, Samsung Electronics 8.6%, Tencent Holdings 5.7%, Alibaba Group Holdings 4.8% และ Visa SA 2.7% ลงทุนในจีน 34.4%, เกาหลีใต้ 11.8%, ไต้หวัน 11.1%, อินเดีย 10.4% และบราซิล 6.5% รายกลุ่มอุตสาหกรรม Information Technology 26.4%, Financials 18.5% และ Consumer Discretionary 17.9%