FINNOMENA The Opportunity Morning Brief 27/07/2021

หุ้นจีนร่วงหนัก หลังทางการจีนเข้มงวดธุรกิจกวดวิชา

ภาพความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาดหุ้นทั่วโลก 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones +82.76 จุด (+0.24%) S&P500 +10.51 จุด (+0.24%) Nasdaq +3.7 จุด (+0.03%) Small Cap 2000 +6.38 จุด (+0.29%) VIX index อยู่ที่ 17.58 (+2.21%)

ตลาดหุ้นยุโรป Euro Stoxx 50 -6.51 จุด (-0.16%) Dax เยอรมัน -50.31 จุด (-0.32%) CAC 40 ฝรั่งเศส +9.78 จุด (+0.15%)

ตลาดหุ้นเอเชียล่าสุด (เช้าวันที่ 27 ก.ค. 2564) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ +0.45% ตลาดหุ้นจีน CSI 300 ลดลง -0.35% และตลาดหุ้นฮ่องกงลดลงประมาณ 1% และ SET Index ติดลบประมาณ 2 จุด

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (เช้าวันที่ 27 ก.ค. 2564) ราคาทองคำ 1,799.05 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Silver ราคา 25.23 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ WTI 72.19 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Brent 74.03 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

ราคา Cryptocurrency (เช้าวันที่ 27 ก.ค. 2564) Bitcoin 36,798 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Ethereum 2,178.68 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Dogecoin 0.9999 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Binance Coin 302.15 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

สัปดาห์นี้จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 บริษัทที่น่าสนใจ เช่น Apple, Microsoft, Alphabet, Visa, Starbuck และ Pfizer เป็นต้น

ดัชนีหุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกว่า 15% ในเวลาเพียง 2 วัน หากนับตั้งแต่จุดสูงสุดลดลงแล้วกว่า 45%

ราคาหุ้นของบริษัทด้านการศึกษาขนาดใหญ่ของจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงรุนแรง ภายหลังจากทางการจีน โดยสถาบันกวดวิชาจะห้ามประกอบธุรกิจในลักษณะของการแสวงหากำไร

ดัชนี MSCI China ปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เมื่อเทียบกับ S&P500 แต่การปรับประมาณกำไรน่าจะลดลงต่อเนื่อง

จีนมีอัตราการเกิดที่ 1.5 (ข้อมูลปี 2017) แสดงให้เห็นถึงการลดลงของประชากรในอนาคต ตัวเลขนี้จะต้องเกิน 2 ขึ้นไป ถึงจะทำให้ประชากรของประเทศนั้นมีการเติบโต

ทางการจีนออกมาสั่งการให้ Tencent ยกเลิกการผูกขาดลิขสิทธิ์เพลงภายใน 30 วัน และโดนค่าปรับ 5 แสนหยวน จากกรณีละเมิดกฎระเบียบในการเข้าซื้อ China Music ในปี 2016

กอง ARKK มีการลดสัดส่วนของหุ้นจีนต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว จนเหลือสัดส่วนน้อยมาก

จีนออกมากล่าวหาสหรัฐฯ ว่ามีการกดดันและสร้างภาพเลวร้าย ในการประชุมระดับสูง

Bitcoin ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน แตะระดับ 4 หมื่นเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เช้านี้ปรับตัวลดลงโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากข่าวที่ Amazon อาจจะเปิดรับ Bitcoin เป็นอีกช่องทางหนึ่งของการชำระสินค้าภายในปีนี้ แต่ล่าสุด Amazon ออกมาปฏิเสธแล้ว

DOJ สหรัฐฯ เข้ามาตรวจสอบผู้บริหาร Tether คดีฉ้อโกง

Tesla ประกาศงบดีกว่าที่คาดการณ์ รายได้ 1.19 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ กำไรสุทธิเติบโตจากปีที่แล้ว 10 เท่า แต่ไตรมาสนี้มีการขาดทุนจาก Bitcoin 23 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ Gross margin 28.4% โดย Tesla มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นกว่าการขายคาร์บอนเครดิตอย่างมีนัยยะ

อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในโลก

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในไทยอยู่ที่ 14,150 ราย (ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,905 จากในเรือนจำ 245 ราย) เสียชีวิตเพิ่ม 118 คน ผู้หายป่วยกลับบ้าน 9,168 ราย หายป่วยสะสม 323,217 ราย ฉีดวัคซีนรวม 15.9 ล้านโดส (25 ก.ค.)

The Opportunity

กองทุน KKP GIMPACT-H ของบลจ. เกียรตินาคินภัทร IPO 29 ก.ค. – 5 ส.ค. ซื้อขายหลัง IPO 9 ส.ค.

นักลงทุนเริ่มสนใจและให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบยั่งยืนมากขึ้น มีการออก Sustainable bond มากขึ้น และมีการออกกองทุนที่ลงทุนใน ESG เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

KKP GIMPACT-H ลงทุนใน Wellington Global Impact Fund พอร์ตนี้ถือหุ้น 50 – 70% ตัว สัดส่วนหุ้นรายตัวไม่เกิน 5% และมีการลงทุนใน EM ไม่เกิน 33% น้ำหนักของธีมไม่เกิน 25%

สัดส่วนรายประเทศ/ ภูมิภาค – สหรัฐฯ 53.8%, ยุโรป ไม่รวมสหราชอาณาจักร 20.7%, EM 17.1% และสหราชอาณาจักร 5.1%

บริษัทส่วนใหญ่เป็นขนาดกลางและเล็กเป็นหลัก หุ้น 5 อันดับแรก Agilent 3.1%, Danaher Corp 2.9%, Signify NV 2.6%, Schneider Electric 2.6% และ Koninklijke DSM NV 2.3%

ผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่า MSCI World ทั้งระยะสั้น และระยะยาว หากเปรียบเทียบกับกองทุนหลักของ K-CHANGE ในรอบ 5 ปี กองทุนหลักของ KKP GIMPACT-H ทำผลตอบแทนได้น้อยกว่ากองทุนหลักของ K-CHANGE (119.26% VS 285.88%) รอบ 1 ปี ต่ำกว่า (41.50% VS 44.02%) แต่ความผันผวนจะต่ำกว่า กอง KKP GIMPACT-H เหมาะกับผู้ที่สนใจระยะยาว และลงทุนในธุรกิจที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงโลกในทิศทางที่ดีขึ้น และมีการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดความผันผวน