ย้อนกลับไปวันที่ 15 กันยายน ปี 2008 ตลาดการเงินทั่วโลกต้องพบเรื่องช็อกวงการเมื่อ Lehman Brothers Holding Inc. วาณิชธนกิจระดับโลกประกาศล้มละลาย ส่งผลให้ Dow Jones ร่วงทันทีกว่า 4.4% พร้อมกับต้นทุนการกู้ยืมที่ขยับขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ก่อให้เกิดวิกฤตซับไพร์มอันเลื่องชื่อ

Lehman Brothers ก่อร่างสร้างตัว

จุดเริ่มต้นของตำนานเริ่มขึ้นในปี 1844 ภายในร้านค้าเล็กๆ ที่เริ่มกิจการโดย Henry Lehman ผู้อพยพชาวเยอรมัน ในเมืองมอนต์กอเมอรี รัฐอลาบาม่า

จนในปี 1850 Henry Lehman และพี่น้องอีก 2 คน คือ Emanuel และ Mayer ได้เริ่มกิจการค้าขายภายใต้ชื่อ Lehman Brothers เติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา แต่ก็ฝ่าฟันกับปัญหาต่างๆ ไล่มาตั้งแต่การล้มหายตายจากของบริษัทรถไฟในช่วงศตวรรษที่ 19 ต่อด้วยเศรษฐกิจหดตัวครั้งใหญ่ในทศวรรษที่ 1930 ฝ่าสงครามโลกมา 2 รอบ ถูกซื้อกิจการโดย  American Express Co. ในปี 1994 เกือบไม่รอดเมื่อครั้งแยกตัวเป็นอิสระได้และเสนอขาย IPO ภายใต้ชื่อ Lehman Brothers Holding Inc. ในตลาดหุ้น New York & Pacific

แม้จะฝ่าฟันมาได้ขนาดนี้แต่ก็ต้องมาเจอหมัดน็อกจากวิกฤติซับไพร์ม จนต้องลงจากเวทีไปตลอดกาล

Lehman Brothers มุ่งสู่หายนะ

ย้อนกลับไปในปี 2003 ตลาดอสังหาฯ เฟื่องฟูมากถึงขนาด Lehman ต้องเข้ามาร่วมวงลงทุนซื้อบริษัทปล่อยสินเชื่ออสังหาฯ ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ก็อสังหาฯ หลังนั้นน่ะแหละ) รวมไปถึง BNC Mortgage และ Aurora Loan Services สองบริษัทที่ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่มีเครดิตต่ำ

การตัดสินใจครั้งนี้สร้างผลกำไรอันมหาศาลในปี 2006 ด้วยกำไรกว่า 4.2 พันล้านเหรียญจากการนำสินเชื่อพวกนั้นมาทำเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุน (MBS หรือ หนี้เน่า) ขายต่อให้นักลงทุนผู้พร้อมยอมรับความเสี่ยงจากการผิดชำระหนี้  

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2007 ราคาหุ้นพุ่งถึง 86.18 เหรียญ ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญ สิ้นไตรมาสแรกปี 2007 สัญญาณหายนะเริ่มขึ้นจากการยอดการผิดชำระที่พุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปี ราคาหุ้นตก แต่ CFO ออกมาบอกว่าเป็นความเสี่ยงที่รับได้และไม่กระทบต่อผลประกอบการบริษัท นั่นอาจเพราะยังพอใจกับผลตอบแทนและมีอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (CDS) ทำให้ประมาทกันสุดๆ  

วิกฤตนี้เริ่มเปิดเผยตัวมากขึ้นเมื่อสองกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของธนาคาร Bear Stearns พังลงในเดือนสิงหาคม ปี 2007 ส่งผลให้ตลอดเดือนนั้น Lehman ได้ปลดพนักงานที่เกี่ยวข้องกับสายงานสินเชื่ออสังหาฯ และปิดหลายสาขาของ Aurora ลง

ท่ามกลางการทรุดตัวลงของตลาดอสังหาฯ Lehman Brothers ยังคงเป็นผู้ลงทุนคนสำคัญด้วยยอด MBS สะสมในพอร์ตลงทุนกว่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญ มีขนาดใหญ่กว่าส่วนของผู้ถือหุ้นถึง 4 เท่า

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ของปี 2007 สถานการณ์ดูเหมือนจะดีขึ้น ตลาดหุ้นกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ตลาดรองสำหรับตราสารหนี้ฟื้นตัวรวมไปถึง MBS

ราวกับว่าพระเจ้าได้ยื่นโอกาสสุดท้ายให้กับ Lehman Brothers แทนที่พวกเขาจะรีบขาย MBS ออกมาเพื่อลดพอร์ตลง พวกเขากลับไม่ทำ

และแล้วโอกาสสุดท้ายก็ผ่านไป ความเสี่ยงที่ร้ายแรงของ Lehman Brothers อยู่ที่การกู้ยืมเงินมาลงทุน ซึ่งทำให้สินทรัพย์รวมมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้นถึง 31 เท่า (หนี้มากกว่าเงินที่มี 31 เท่า) ในขณะที่พอร์ตลงทุนก็สะสม MBS ที่ตั้งอยู่บนความเสี่ยงไว้มหาศาล

สุดท้าย Lehman Brothers มุ่งตรงเข้าสู่หายนะ หลังจากการล้มลงไม่นานของธนาคาร Bear Stearns ซึ่งลงทุนใน MBS ขนาดใหญ่อันดับสอง ตลาดเริ่มกังวลว่า Lehman Brothers จะเป็นรายต่อไปที่ล้ม ราคาหุ้นดิ่ง การแก้เกมส์จึงเริ่มขึ้นด้วยการระดมทุนเพิ่ม ในที่สุดผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2007 ก็ออกมาขาดทุนกว่า 2.8 พันล้านเหรียญ เริ่มลดสินทรัพย์ลงกว่า 1.47 แสนล้านเหรียญ ครอบคลุมถึงขนาดการลงทุนในตลาดสินเชื่ออสังหาฯ ที่ลดลงและลดการกู้ยืมเงินมาลงทุน

อย่างไรก็ตามมันสายไปแล้ว เมื่อการแก้เกมส์ไม่ประสบผล ราคาหุ้นร่วงลงกว่า 77% ภายในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ปี 2008 ร้อนไปถึง CEO นามว่า ริชาร์ด ฟูลด์ ต้องออกมาแถลงว่าจะคงสถานะของบริษัทให้เป็นอิสระ โดยขายและแยกแผนกต่างๆ ออกไป เช่น หน่วยบริหารสินทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งหวังว่าธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเกาหลีจะเข้ามาช่วยซื้อหุ้นของ Lehman Brothers ทั้งหมด

แต่ความหวังก็จบลงเมื่อแผนในการซื้อหุ้นถูกระงับลงไป เมื่อข่าวแพร่ออกไปราคาหุ้นร่วงทันที ราคาของอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (CDS) พุ่งกว่า 66% พูดง่ายๆ คือผู้คนต่างเชื่อว่า Lehman Brothers ไม่น่าจะรอดแน่ๆ เหล่ากองทุนที่ลงทุนในบริษัทเริ่มดึงเงินลงทุนกลับ เจ้าหนี้ระยะสั้นปรับลดวงเงินกู้ยืม และแล้วฉากสุดท้ายก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2008

งานเลี้ยงเลิกรา

ผลขาดทุนอีกครั้งกว่า 3.9 พันล้านเหรียญ เพราะว่าสมัยรุ่งเรืองสะสมหนี้เน่ามาเต็มพอร์ตลงทุนพร้อมทั้งให้มูลค่าเกินจริงไป เริ่มประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กร

ยิ่งกว่านั้น Moody’s Investor Services บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเริ่มพิจารณาลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Lehman Brothers พร้อมทั้งเตือนให้รีบขายหุ้นส่วนใหญ่ก่อนที่จะโดนปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจริงๆ

ราคาหุ้นปรับดิ่ง ในวันที่ 11 กันยายน นับถอยหลังอีกแค่ 4 วันกับเงินสดที่เหลืออยู่เพียง 1 พันล้านเหรียญ ความพยายามเฮือกสุดท้ายเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์ วันที่ 13 กันยายน การตกลงเพื่อเข้าซื้อหุ้น ระหว่าง Lehman Brothers, Barclays และ Bank of America ไม่ประสบผลสำเร็จ

และแล้ววันจันทร์ที่ 15 กันยายน ปี 2008 Lehman Brothers ประกาศล้มละลายที่ใหญ่หลวงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ราคาหุ้นดิ่งเหวทันที 93 % สร้างความปั่นป่วนให้ทางการเงินไปทั่วโลก เปิดฉากวิกฤตซับไพร์มอย่างเป็นทางการ

เศษซาก Lehman Brothers ที่เหลืออยู่

เหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้พนักงานกว่า 25,000 ชีวิตต้องตกงานทันที และก่อให้คำถามมากมายว่าเหตุใดรัฐบาลสหรัฐอเมริกาถึงปล่อยให้ Lehman Brothers ล้มละลาย แต่เลือกช่วยสถาบันทางการเงินอื่นๆ อีกทั้งยังอันนำไปสู่การสร้างภาพยนตร์และซีรีย์ชื่อดังเกี่ยวกับเหตุการณ์และความสกปรกของวงการอันนำไปสู่วิกฤต

อย่างไรก็ตาม Lehman Brothers ได้ทิ้งตำนานและบทเรียนอันสำคัญไว้นั่นคือ “จงอย่าประมาท”

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.investopedia.com/articles/economics/09/lehman-brothers-collapse.asp

https://www.lovemoney.com/news/3909/why-lehman-brothers-collapsed

Adu-Gyamfi, M. (2016). The Bankruptcy of Lehman Brothers: Causes, Effects and Lessons Learnt. Journal of Insurance and Financial Management, 1(4), pp.132-149.