การเปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทต่าง ๆ ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดการลงทุน โดยเฉพาะ “ตลาดตราสารหนี้” เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งถูกปรับลดอันดับเครดิตสูงสุดในรอบหลายปี คำถามที่ตามมาคือ นี่เป็นสัญญาณของ “ความเสี่ยง” ที่เพิ่มขึ้น หรือเป็น “โอกาส” ในการลงทุนหุ้นกู้กันแน่?
เพื่อตอบคำถามนี้กับนักลงทุน Definit by Finnomena จึงจัดงานสัมมนาพิเศษ “บริษัทยักษ์ใหญ่ถูกดาวน์เกรดสูงสุดในรอบหลายปี โอกาสหรือความเสี่ยง? ของการลงทุนหุ้นกู้” เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยบทความนี้จะสรุปประเด็นสำคัญในงานสัมมนาที่นักลงทุนหุ้นกู้ควรทราบ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้ต่อไป
สถานการณ์ตลาดหุ้นกู้ไทย
ปี 2024 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นกู้ไทยเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ด้วยมูลค่าหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้และเลื่อนกำหนดชำระรวมกันสูงถึงกว่า 40,000 ล้านบาท จากผู้ออกถึง 22 ราย โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ 3,172 ล้านบาท จาก 5 ราย และหุ้นกู้เลื่อนกำหนดชำระ 37,963 ล้านบาท จาก 17 ราย
ไม่เพียงเท่านั้น สถานการณ์การปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทต่าง ๆ ก็อยู่ในระดับที่น่ากังวล โดยมีจำนวนบริษัทที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตมากที่สุดในรอบ 6 ปี หรือตั้งแต่ปี 2018 รวมทั้งสิ้น 46 ราย และที่น่าตกใจคือไม่ใช่แค่บริษัทขนาดเล็กเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่บริษัทขนาดใหญ่ก็ถูกปรับลดอันดับเครดิตมากขึ้นเช่นกัน โดยมีบริษัทที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตถึง 26 ราย และมีบริษัทที่ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเพียง 8 รายเท่านั้น (ข้อมูลจาก ThaiBMA)
ท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนเหล่านี้ Definit เข้าใจถึงความกังวลของนักลงทุน จึงได้พัฒนา “Bond Health Check” บริการตรวจสุขภาพหุ้นกู้ วิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นกู้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ดังนี้
Bloomberg default probability
ความน่าจะเป็น % ที่บริษัทจะมีการผิดนัดชำระหนี้ (default) ภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า วิเคราะห์จากสถิติข้อมูลในอดีตกว่า 65,000 บริษัทจดทะเบียนใน 10 อุตสาหกรรมทั่วโลก ตั้งแต่ 1998-2018 โดยปัจจัยที่ใช้กำหนดค่า Default Probability ได้แก่
- Interest Coverage (อัตราส่วนความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย): เป็นตัวชี้วัดความสามารถของบริษัทในการชำระดอกเบี้ยจากหนี้สิน คำนวณโดยการนำกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) หารด้วยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ค่าที่สูงกว่าแสดงว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยได้ดีกว่า
- ROA (อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์): เป็นตัวชี้วัดความสามารถของบริษัทในการสร้างผลกำไรจากสินทรัพย์ทั้งหมด คำนวณโดยการนำกำไรสุทธิหารด้วยสินทรัพย์รวม ค่าที่สูงกว่าแสดงว่าบริษัทสามารถใช้สินทรัพย์ในการสร้างผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- NPL (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้): เป็นตัวชี้วัดคุณภาพหนี้ของบริษัท หมายถึงหนี้ที่บริษัทไม่สามารถชำระคืนได้ตามกำหนด ค่าที่สูงกว่าแสดงว่ามีความเสี่ยงด้านหนี้สูง
- Distance to Default (ระยะห่างจากภาวะผิดนัดชำระหนี้): เป็นตัวชี้วัดความน่าจะเป็นที่บริษัทจะผิดนัดชำระหนี้ คำนวณโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น มูลค่าสินทรัพย์ หนี้สิน และความผันผวนของราคาหุ้น ค่าที่สูงกว่าแสดงว่าบริษัทมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ต่ำ
- Volatility (ความผันผวน): เป็นตัวชี้วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาหรือผลตอบแทนของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ค่าที่สูงกว่าแสดงว่าสินทรัพย์มีความเสี่ยงสูง
คำแนะนำจาก Definit: ค่า Bloomberg default probability ควรต่ำกว่า 1.5% (ยิ่งต่ำ ยิ่งดี)
Altman Z-Score
แบบจำลองทำนายบริษัทล้มละลาย สร้างโดย deward Altman ศาสตราจารย์ด้านการเงินที่ NYU ในปี 1968 ใช้ข้อมูลทางบัญชีของบริษัทในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1970-1999
Altman Z-Score สามารถคาดการณ์การล้มละลายภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ได้ถึง 80-90% โดยปัจจัยที่ใช้กำหนดค่า Z-Score มาจากอัตราส่วนทางการเงินที่สามารถสะท้อนผลประกอบการ โดยมีสูตรดังนี้
Z = 1.2A + 1.4B + 3.3C + 0.6D + 0.99E
A = Working capital / Total assets
B = Retained Earnings / Total assets
C = EBITDA / Total assets
D= Market Cap / Total liabilities
E = Revenue / Total assets
ความหมายของอัตราส่วนทางการเงินในสูตร Altman Z-Score
- Working Capital (เงินทุนหมุนเวียน) แสดงถึงสภาพคล่องของบริษัทและความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น
- Rerained Earnings (กำไรสะสม) คือกำไรสุทธิที่บริษัทเก็บสะสมไว้หลังจากการจ่ายเงินปันผลแสดงถึงกำไรที่บริษัทนำกลับมาลงทุนในกิจการ
- EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทก่อนผลกระทบจากค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี และค่าเสื่อมราคา ใช้ในการเปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
- Market Cap (มูลค่าตลาด) คือมูลค่ารวมของหุ้นที่บริษัทออกจำหน่ายทั้งหมด แสดงถึงขนาดของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
- Revenue (รายได้) คือจำนวนเงินทั้งหมดที่บริษัทได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการ แสดงถึงยอดขายรวมของบริษัทในช่วงเวลาหนึ่ง
คำแนะนำจาก Definit: หุ้นกู้คุณภาพควรมี Altman Z-Score ไม่ต่ำกว่า 0.50 (ยิ่งสูง ยิ่งดี)
เนื่องจากค่า Altman Z-Score คำนวณจากข้อมูลในอดีตที่ปรากฏในงบการเงิน ซึ่งเป็นการมองภาพระยะยาว จึงจำเป็นต้องใช้ค่า Bloomberg default probability เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงในระยะสั้นควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาหุ้นมีความผันผวนผิดปกติค่า Bloomberg default probability จะสามารถบ่งชี้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
Business Momentum
Definit สร้าง indicator ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของ default probability หากเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ Definit กำหนดภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถือว่าบริษัทมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
คำแนะนำจาก Definit: หุ้นกู้คุณภาพดีต้องไม่มีการเพิ่มขึ้นของ Default Probability อย่างรวดเร็วเกินไป
บริการ Bond on Demand
บริการแนะนำจัดพอร์ตตราสารหนี้ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่จำเป็นต้องรอการออกตราสารหนี้ออกใหม่ บริการนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณได้อย่างอิสระ ไม่ว่าคุณจะต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง หรือต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น บริการ Bond on Demand จะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งพอร์ตการลงทุนหุ้นกู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของคุณได้อย่างลงตัว
กลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุนหุ้นกู้ของ Definit
- ล็อกผลตอบแทนระยะยาว: ลงทุนหุ้นกู้อายุยาวดอกเบี้ยสูง เพื่อล็อกผลตอบแทนในภาวะดอกเบี้ยขาลง
- กระจายความเสี่ยง: ลงทุนหุ้นกู้บริษัทหนึ่งไม่เกิน 10% อุตสาหกรรมหนึ่งไม่เกิน 25% ของพอร์ต
- ผ่านเกณฑ์ตรวจสุขภาพ: หุ้นกู้ทุกตัวผ่านเกณฑ์สุขภาพ และตรวจเช็กเป็นประจำทุกเดือน พร้อมคำแนะนำต่อเนื่อง
📌 สนใจรับคำแนะนำหุ้นกู้ พร้อมรับบริการ Bond Health Check และ Bond on Demand สามารถติดต่อที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่านได้แล้ววันนี้ หรือ สามารถกรอกแบบฟอร์มรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้ที่ https://www.finnomena.com/bond/
คำเตือน: ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในหุ้นกู้ไม่ใช่การฝากเงิน | การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขาย และไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บลป.เดฟินิท 02-109-9933