มุมมอง ดร.วิศิษฐ์ (21 - 25 สิงหาคม 2560)

ตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีแรกมีผลกำไรโต 5.62% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ทำให้นักวิเคราะห์ลดประมาณการกำไรของปี 2017 ลงเหลือ 100.8 บาทต่อหุ้น (จากระดับ 104 บาทต่อหุ้นในช่วงต้นปี) ซึ่งเป็น EPS Growth 7.2% YoY บ่งบอกถึงมุมมองที่ดีขึ้นของกำไรในครึงปีหลังของปี 2017 ทำให้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายกันที่ P/E 14.5-14.6X ของปี 2017 เพราะฉะนั้น Stock Selection จะสำคัญมากๆ ในตลาด Sideway แบบนี้

ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขายพันธบัตรระยะสั้นในไทยประมาณ 10,000 ล้านบาท บ่งบอก Flow ของนักลงทุนต่างประเทศจะยังไม่เข้าประเทศไทยในระยะสั้นและค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ มีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นระยะสั้นและมีโอกาสเป็น Reverse Flow ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ถูกกดดันอยู่ที่ 2.20% และของไทยอยู่ที่ 2.4% โดยนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นและพันธบัตรใน Emerging Market ประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขายสินทรัพย์ใน Emerging Market ครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดี Trump

มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือนสิงหาคมและกันยายนอาจจะเป็นลักษณะ Risk off หรือนักลงทุนทั่วโลกอาจจะลดความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Risk off ใน Emerging Market โดยที่ Indicators ของ Risk off ที่สำคัญ คือ DXYO ปรับตัวเพิ่มขึ้น ค่า Bond Yield ลดลงแต่ Credit Spread กว้างขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับฐานไม่มาก เนื่องจากมีค่า Beta ที่ต่ำที่ระดับ 0.5 เท่าเท่านั้น บ่งบอกการเป็น Defensive ของตลาดหุ้นไทย

เหตุการณที่โอกาสเป็น Risk off คือ  

  1. หัวข้อที่นาง Yellen ประธาน Fed ที่จะพูดในการประชุมที่ Reserve Bank of Kansas City’s Economic Symposium ที่ Jackson Hole ในวันที่ 25 สิงหาคม โดยนาง Yellen จะพูดในเรื่อง Financial Stability ซึ่งถือเป็นถ้อยแถลงที่สำคัญก่อน Fed จะลดขนาดงบดุลในเดือนกันยายน คาดว่านาง Yellen จะรายงานถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงผ่อนคลายถึงแม้ว่าได้ปรับขึ้นมากกว่า 1% เธออาจจะกล่าวถึงราคาหุ้นที่มี Valuation สูง Credit Spread ยังคงต่ำ (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร BBB และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ) ตลาดอาจจะคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม และเธออาจจะกล่าวถึง Trump Policy ในเชิง negative tone ซึ่งเป็นภาวะ Risk off
  2. นโยบายการก่อหนี้ หรือ Debt Ceiling ของนโยบายการคลังของสหรัฐซึ่งจะถึงในวันที่ 29 กันยายน Trump อาจจะถูกตั้งคำถามมากในการที่คะแนนนิยมตกต่ำลง จะทำให้ตลาดพันธบัตรผันผวน

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเราเห็นการ Outperform ของหุ้นกลุ่ม Shipping และ PVC Producer ซึ่งเราอาจจะเห็นราคา PVC ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายหลังฤดูมรสุมของประเทศในเอเชียใต้ กลุ่ม Utility และ Refinery ยัง Outperform เนื่องจากค่าการกลั่นยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มาบทความ : www.facebook.com/Trinitysecuritiesgroup