ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่คาดว่า OPEC จะลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่แอลจีเรีย การตัดสินใจของ OPEC มีความสอดคล้องกับมุมมองของเรา โดยคำถามที่ยังคงอยู่ที่ปริมาณที่ OPEC จะลดกำลังการผลิตเท่าใด ถ้าลดมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ราคาน้ำมันกลับเป็นขาขึ้นชัดเจน
ขั้นตอนต่อไปคือผลของการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการหมุนเวียน Fund Flow ทั่วโลก
เรายังคงมุมมองว่า เราได้ผ่านช่วงที่มีสภาพคล่องสูงสุดไปแล้ว
เราเริ่มต้นการ Preview ปี 2017 ว่าเป็นปีของการปฏิรูป แต่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจช้า
หุ้นที่จะ outperform ได้แก่ สาธารณูปโภค โทรคมนาคม และ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AEC
Key calls in 4Q16
SET Index ปี 2016 ผ่านแล้วจุดสูงสุดในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1560 จุด และจะแกว่งอยู่ที่ 1420-1550 จุดในไตรมาส 4 ปี 2016
ในเดือน ต.ค. และ พ.ย. จะมีความผันผวนสูง เดือน ธ.ค. จะเห็นการเข้าซื้อของกองทุน LTF RMF จำนวนราว 35 พันล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติ หยุดการซื้อขายในระยะสั้น โดยมีสถานะซื้อสุทธิ 0.7% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (วัดตามเกณฑ์ Rolling Basis 3 เดือน)
ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ มีผลกระทบต่อการไหลของเงินทุน
Key calls in 2017
2017 เป็นปีแห่งการปฏิรูป
มองว่าปี 2017 เป็นปีที่ Absolute Returns ต่ำและการเจริญเติบโตช้า แต่จะมีการหมุนไปยังกลุ่มที่ Laggard และมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่ Relative Returns สูง
เราคาดว่า Fund flow ไหลไปกลุ่มสื่อสาร (การศึกษาเชิงประจักษ์) นอกจากนี้เรายังคาดว่าหุ้นที่มีรายได้ที่มั่นคงเช่น ระบบสาธารณูปโภคที่จะ Outperform
ระดับของตลาดทุนมีความสัมพันธ์มากกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมากกว่าผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน
เป้าหมาย SET Index ระหว่าง 1155-1600 จุด (based on 2017E EPS of Bt106.68, and PE 10.8x and PE 15.3x)
มี tail risks มากในปี 2017 แต่อาจจะเห็นการฟื้นตัวของ SET Index ในลักษณะ V Shape
ปัจจัยบวก
ยังคงแนวโน้มที่แข็งแกร่งสำหรับภาคการบริโภคภาคเอกชนและรายได้ของเกษตรกร
การใช้จ่ายในโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
การถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศยังคงต่ำที่ 30.29% ระดับเดียวกับปี 2005
Global PMI เพิ่มขึ้น
ปัจจัยลบ
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในหมู่นักลงทุนในประเทศ จะลดลง “ความกระหายอัตราผลตอบแทน“ (Hungry for Yields) จะหันไปลงทุนในหุ้นกู้
นักวิเคราะห์ไม่มีการปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยที่แท้จริงอาจกลับมาเป็นบวก
ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำ และมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
Discounted rate สูงขึ้น ส่งผลให้ Equity Risk Premium เพิ่มขึ้น หุ้น P/E สูงจะถูกขายทำกำไร
Implied risk premiums ของไทย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้ valuation ไม่น่าสนใจ
ราคาน้ำมันมี surprise upside
จุดสูงสุดของสภาพคล่องได้ผ่านไปแล้ว โดย BOJ ลดการซื้อพันธบัตรแบบทางอ้อมหรือ Controlling Yield Curve ECB ไม่ได้มีการผูกมัด
Tail risks: โอกาสสูงที่จะมีการปรับฐาน 20% หนึ่งครั้ง
การเพิ่มมาตรฐานบัญชีปี 2016 เพิ่มแบบ key audit matter (KAM) ทำให้นักลงทุนกลัวความเสี่ยงมากขึ้น
ปี 2017 เป็นปีของ tail risk ปี 2013 และ ปี 2015 SET Index มีผลตอบแทนติดลบ จาก tail risks ซึ่งทำให้ SET Index ลดลงสู่ PE Band เฉลี่ย 5 ปีที่ -2SD และ-1SD ตามลำดับ
ปี 2014 และปี 2016 SET Index ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก tail risk น้อย
ความไม่แน่นอนสูงในปี 2017
การเจริญเติบโตต่ำ – ภาวะเงินฝืด vs. stagflation
ราคาตราสารหนี้มีโอกาสเป็นฟองสบู่สูง แต่ธนาคารกลางพยายามเลี่ยง Bond Shock และ Fed พยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความประหลาดใจในเชิงลบให้ตลาด
ความเหลื่อมล้ำสูงระหว่าง “Dot Plot” และความคาดหวังของตลาด ทำให้ตลาดหุ้นจะผันผวนสูงมาก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีโอกาสแข็งค่า
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจนำไปสู่กำหนดกฏหมายที่เรียกว่า Home Investment Act ทำให้เงินไหลกลับเข้าสหรัฐฯ มากขึ้น
หนี้ที่สูงในภาคเอกชนของประเทศจีน
สภาพคล่องส่วนเกินเริ่มลดลงอย่างมาก ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง
ความแตกต่างของนโยบายการเงินทั่วโลก
ความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนในระดับโลก
Upside Surprise
การปฏิรูปอุตสาหกรรมอาจจะเห็นใน โครงสร้างราคาก๊าซ ระหว่างใช้ในภาคอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมขยะ
การปฏิรูปของ NTBC ทำให้การจัดสรรความถี่มากขึ้น และการปรับโครงสร้างของทีโอที และกสท
การปฏิรูปในราคาน้ำตาลเพื่อให้สะท้อนราคาตลาดโลก
Key Theme
Commodities stocks could outperform bank
Overweight utilities, and telecom
Overweight PTT, underweight PTTEP
Overweight fiscal stimulus
Overweight AEC consumption
BUY Platform stocks
Overweight gold
ที่มาบทความ : https://www.facebook.com/Trinitysecuritiesgroup/