การลงทุนในตราสารอนุพันธ์หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า Future หรือบางคนเรียกว่า TFEX เป็นสิ่งที่นักลงทุนรุ่นใหม่ชอบติดตามมาก แต่หากเราดูพีระมิดทางการเงินพบว่า…
ตราสารดังกล่าวมีระดับความเสี่ยงที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับ ตราสารหนี้ และตราสารทุน เนื่องจากเป็นการซื้อขายสินค้าล่วงหน้า และเราไม่สามารถเดาอนาคตได้อย่างแน่นอน ดังคำฮิตติดปากที่ว่า “ซื้อไม่ถูกแต่หวย”
เมื่อรู้ว่าการลงทุนหลักทรัพย์ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้นการลงทุนของเราควรจะเริ่มรู้ตั้งแต่พื้นฐานเป็นสำคัญ วันนี้เรามารู้จักกับทฤษฎีพื้นฐานของการลงทุนที่เรียกว่า Cost of carry
Cost of carry เป็นตัวกำหนดราคาซื้อ/ขายล่วงหน้า เราเขียนโครงสร้างทฤษฎีดังกล่าวให้เข้าใจได้ง่ายเลยคือ
ราคาในอนาคต = ราคาปัจจุบัน + ต้นทุนการเก็บรักษา – ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการถือครอง
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?? นี่คือคำถามแรกของทุกคน ที่เริ่มศึกษาตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยส่วนมากคำถามที่ติดหัวและค้างคาใจในของผู้ที่กำลังศึกษาจะมีดังนี้
ทั้งฝั่งซื้อ และฝั่งขาย จะมีประโยชน์และเสียประโยชน์ในบางอย่างอยู่ ซึ่งเราสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ
แล้วตลาดหุ้นล่ะ จะมีลักษณะ Discount หรือ Premium??? เราสามารถหาอัตราส่วนระหว่าง SET50 index และ S50H17 นั่นคือสัญญาฟิวเจอร์ของ SET50 ที่หมดอายุเดือนมีนาคม 2017 นั่นเอง
ภาพบอกอะไรเรา ? : หากอัตราส่วนดังกล่าวมีค่ามากกว่า 1 อธิบายเป็นภาษาง่ายๆว่า ตัวเศษ > ตัวส่วน อธิบายว่า ราคาปัจจุบัน แพงกว่าราคาในอนาคต หรือที่เรียกว่า Discount!!! และถ้า น้อยกว่า 1 แปลว่า Premium!!
จากภาพจะเห็นว่า ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของอัตราส่วนจะมีค่า > 1 ซึ่งเป็น Discount ตลอดเวลา มันแปลว่า ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น มากกว่าต้นทุนการถือครองหุ้น โดยต้นทุนการถือครองหุ้นมันคือ risk free rate ซึ่งโดยส่วนมากจะมีมูลค่าน้อยกว่า dividend yield ของตลาดหุ้นอยู่แล้วนั่นเอง
รู้งี้แล้ว ทำไม บางช่วงเวลาถึงยังเป็น premium ล่ะ !!
ทฤษฎี ถูกหักล้างด้วยพฤติกรรม อารมณ์ และความกลัว ของตลาดเสมอ จำไว้ว่า ทฤษฎีคือเบื้องต้น การลงมือทำคือของจริง เมื่ออารมณ์คนมองว่าตลาดจะดีมาก คนมีหุ้นจะไม่อยากขายจะอยากถือไว้นานๆ เพื่อได้รับ Capital gain และคนที่ไม่มีหุ้นก็จะต้องยอมรับการซื้อหุ้นได้ในราคาแพง ราคา Future จึงออกมาในลักษณะ Premium แทนที่จะเป็น Discount อย่างที่ควรจะเป็น
ทฤษฎีหรือจะสู้อารมณ์นักลงทุนที่กำหนดตลาด : ไม่เชื่อลองถามมวลชนนักลงทุนดูว่า ส่วนใหญ่มองไปทางใหน หากมองขึ้น Future จะออกมาเป็น Premium และ หากมองลง Future จะออกมาเป็น Discount
Cost of carry, future, risk free rate, s50, SET50, TFEX, สัญญา, สัญญาล่วงหน้า