
ในขณะที่สหรัฐฯ ตัดสินใจเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 30 วัน จีนกลับเลือกตอบโต้แบบตรงไปตรงมา ด้วยการประกาศขึ้นภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เครื่องจักร และพลังงาน สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงคุกรุ่นระหว่างสองมหาอำนาจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐฯ
มาตรการตอบโต้ของจีนต่อสหรัฐฯ มีอะไรบ้าง
1. ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 10%
จีนประกาศขึ้นภาษี 10% สำหรับสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ มาตรการนี้เป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และส่งสัญญาณว่าจีนพร้อมใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ
2. เพิ่มภาษีเฉพาะกลุ่มสินค้าสำคัญ
นอกจากภาษีโดยรวมแล้ว จีนยังกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับสินค้าบางประเภท โดยเพิ่มภาษี 15% สำหรับสินค้าเกษตร เครื่องจักร และรถยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์สูง ขณะที่ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และน้ำมันดิบจะถูกเก็บภาษีเพิ่ม 10% มาตรการนี้อาจกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ที่พึ่งพาการส่งออกไปยังจีน
3. เปิดการสอบสวนการผูกขาดของ Google
จีนประกาศการสอบสวนพฤติกรรมการผูกขาดของ Google ภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน ซึ่งอาจนำไปสู่การจำกัดหรือกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในประเทศจีน มาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยีและการแข่งขันทางการค้าดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในสมรภูมิหลักระหว่างสองมหาอำนาจ
4. ควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก
จีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และอาวุธทางทหาร
ทั้งนี้สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่พึ่งพาแร่ธาตุเหล่านี้จากจีนสูงสุด การจำกัดการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและกลาโหมของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
5. ควบคุมการส่งออกวัสดุสำหรับแผงโซลาร์เซลล์
จีนกำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกวัสดุที่ใช้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของพลังงานสะอาดทั่วโลก เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกวัสดุสำคัญเหล่านี้รายใหญ่ที่สุด การจำกัดการส่งออกอาจกระทบต่อแผนพลังงานทดแทนของสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีน
6. เพิ่มแรงกดดันต่อการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ
มาตรการตอบโต้ของจีนเพิ่มความตึงเครียดในการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งดำเนินมาอย่างยืดเยื้อตั้งแต่ปี 2018 การตอบโต้ด้วยภาษีและมาตรการกีดกันการค้าอาจทำให้การเจรจาในอนาคตซับซ้อนขึ้น และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงกดดันตลาดโลก
กองทุนแนะนำ Trade War 2.0 คลิกเลย
อ้างอิง: Reuters
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299