
เกิดอะไรขึ้น?
Trade War กลายเป็นประเด็นการลงทุนหลักสัปดาห์นี้ หลังเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2025 Trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจีน 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
การขึ้นภาษีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการปัญหาการลักลอบนำเข้าสารเฟนทานิลและการอพยพผิดกฎหมาย ซึ่ง Trump ระบุว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ
เม็กซิโกและแคนาดาตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน โดยแคนาดาจะเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่ารวม 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา ส่วนเม็กซิโกเตรียมเก็บภาษีในอัตรา 5-20% สำหรับสินค้าหลายรายการ
ย้อนรอยการใช้กำแพงภาษี
Trump เคยใช้กำแพงภาษีเป็นเครื่องมือเพื่อเจรจาต่อรองกับประเทศต่าง ๆ มาแล้วหลายครั้ง ในช่วงปี 2017-2020 เช่น การเริ่มต้นสงครามการค้ากับจีนเพื่อลดการขาดดุลและป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา, การเจรจากับเม็กซิโกเรื่องผู้อพยพในบริเวณชายแดน, การเจรจากับแคนาดาและเม็กซิโกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) เป็นต้น
ล่าสุดเมื่อปลายเดือนม.ค. 2025 ก็ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากโคลอมเบีย 25% เนื่องจากโคลอมเบียปฏิเสธไม่รับเที่ยวบินที่ส่งผู้อพยพที่ถูกเนรเทศจากสหรัฐฯ แต่ก็มีการเจรจาระหว่างสองประเทศ ทำให้โคลอมเบียตกลงที่จะรับเที่ยวบินผู้อพยพ ทำให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการภาษีที่ได้ประกาศไว้
แคนาดาและเม็กซิโกยอมตกลงเจรจา
ทว่าล่าสุด Trump ตกลงเจรจาชะลอการขึ้นภาษีศุลกากรต่อแคนาดาและเม็กซิโก เป็นเวลา 30 วัน
นายกรัฐมนตรี Justin Trudeau ของแคนาดา ต่อสายตรงคุยกับ Trump ตกลงเพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาเสพติดอันตรายเข้าสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการเลื่อนขึ้นภาษีเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน
ประธานาธิบดี Claudia Sheinbaum ของเม็กซิโก ยอมส่งทหาร 10,000 นายไปเสริมชายแดนทางเหนือ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าเฟนทานิล เพื่อชะลอการเก็บภาษีเป็นเวลา 30 วันเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ในขณะที่จีนซึ่งกำลังจะโดนกำแพงภาษี 10% ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศยกเลิก หรือเลื่อนออกไป โดยคาดว่า Trump จะเจรจากับจีนภายในสัปดาห์นี้ ดังนั้น นักลงทุนจึงยังต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นทั่วโลก
มุมมองของ Finnomena Funds
- กรณีที่ 1 Worst Case (ไม่มีการเจรจา) จะส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ
- กรณีที่ 2 Best Case (ยกเลิกภาษีทั้งหมด) เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาด
- กรณีที่ 2 Bese Case (ยกเลิกบางส่วน) เป็นไปได้มากที่สุด และเป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผลที่สุด ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวแม้จะมีความผันผวนระหว่างทางการเจรจา
โดยสรุป Finnomena Funds เชื่อว่าภาพต่อจากนี้จะส่งผลกระทบกับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่จำกัด แนะนำใช้ความผันผวนที่เกิดขึ้นเป็นจังหวะในการเข้าทยอยสะสมการลงทุน กองทุนแนะนำ คลิกเลย