PEG คือวิธีมูลค่าของหุ้นโดยอ้างอิงระหว่าง PE และ G (การเติบโตของกำไรสุทธิ) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Peter Lynn
PEG เป็นวิธีการประเมินมูลค่าที่เรียบง่าย กล่าวสั้นๆ คือ บริษัทมีการเติบโตในอนาคตเท่าไหร่ก็สมควรซื้อเท่านั้น เช่น หุ้นจะเติบโต 20% ก็ควรจะซื้อที่พีอี 20
แต่หลายครั้ง PEG ถูกใช้อย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก วันนี้ลงทุนศาสตร์จึงเสนอหลัก 3F เพื่อใช้ PEG อย่างสมเหตุสมผล
PEG เหมาะกับหุ้นโตเร็ว สำหรับลงทุนศาสตร์ G ควรมากกว่า 10 หากน้อยกว่านั้น วิธีแบบ PEG จะไม่ค่อยใช้ได้อย่างสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก
ค่า G ที่ใช้ต้องเป็น forward G หรือ G ในอนาคต 5 ปีข้างหน้า ห้ามนำ G ในอดีตมาใช้ แน่นอนว่า G ในอนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น การจะวิเคราะห์ต้องศึกษาธุรกิจให้มากเพื่อประมาณการณ์ให้ใกล้เคียงที่สุด G จึงต้องค่อนข้างจะเชื่อถือได้ โดย G ที่ใช้ควรใช้ค่าที่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งค่า G เป็นค่าการเติบโตเฉลี่ยทบต้นเป็นเวลา 3 – 5 ปีข้างหน้า
ค่า earning ที่นำมาคำนวณพีอีต้องเป็นกำไรปรกติ หักลบ one time gain and loss ออก และการเติบโตที่ใช้ต้องเป็นการเติบโตปรกติ ไม่ควรใช้การเติบโตแบบ one time ด้วยเช่นกัน
เช่น หุ้น xxx ปัจจุบันมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการเคลมประกัน 20 ล้านบาท และมีความเสียหายจากน้ำท่วม 70 ล้านบาท นักลงทุนประมาณการณ์เติบโตของกำไรสุทธิจากกิจการอยู่ที่ 40% 25% 15% 10% 10% 5% 5% ไล่ไป 7 ปีตามลำดับ โดยคาดว่าปีที่ 5 จะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เก่า 100 ล้านบาท มูลค่า xxx ควรอยู่ที่เท่าไหร่ตามวิธี PEG
วิธีคิด หาการเติบโตของกำไรทบต้นเฉพาะ 5 ปีแรกอยู่ที่ 19.5% กำไรปรกติของกิจการอยู่ที่ 100 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่าของกิจการของ xxx โดยวิธี PEG อยู่ที่ 1,950 ล้านบาท
ตัดกำไรขาดทุนครั้งเดียวออก ตัดการเติบโตครั้งเดียวออก และคิดเฉพาะการเติบโต 5 ปีแรก
การเติบโตของกำไรทบต้นหาจากแอพ financial ez calculator หัวข้อ ROI calculator
ลองศึกษากันดู วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมมากติด 1 ใน 5 ของวิธีการประเมินมูลค่า ได้แก่ NAV DDM DCF PE และ PEG
ไว้คราวหน้ามาเล่าวิธีอื่นให้ฟัง
ลงทุนศาสตร์ – Investerest
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุน