มีเงินเหลือเดือนละ 1,000 บาท ลงทุนในอะไรดี?

มีเงินเหลือเดือนละ 1,000 บาท ลงทุนในอะไรดี?

มีเงินเก็บแต่ไม่รู้จะลงทุนอะไรดีใช่ไหม?

โจทย์วันนี้คือมนุษย์เงินเดือนที่เหลือเงินเก็บประมาณเดือนละ 1,000 บาท จะลงทุนในอะไรให้งอกเงยเพิ่มเติมจากดอกเบี้ยธนาคารที่ต่ำเตี้ยติดดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มนุษย์เงินเดือนที่ไม่ได้มีเวลาในการติดตามการลงทุนมาก เน้นแบบไม่หวือหวาและไม่เสี่ยงสูง

ตัวเลือกที่คัดมาเน้นๆ ให้เหมาะกับโจทย์นี้ ได้แก่ เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง กองทุนรวม และการทยอยซื้อหุ้นแบบ DCA ย้ำอีกครั้งว่าตัวเลือกที่เลือกมาให้นี้เป็นเพียงแนวคิดคร่าวๆ นักลงทุนแต่ละคนจำเป็นต้องมองหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองอีกทีหนึ่ง

1. เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง

ตามกฎหมายแล้ว ทุกธนาคารจะมีบัญชีเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงเพื่อสนับสนุนให้คนออมเงิน โดยทั่วไปจะกำหนดให้ฝากอย่างต่อเนื่อง 24 – 36 เดือน ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท บัญชีแบบนี้จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยออมทรัพย์และดอกเบี้ยฝากประจำปรกติมาก อย่างปรกติดอกเบี้ยออมทรัพย์จะให้ดอกเบี้ยประมาณ 0.15% ดอกเบี้ยเงินฝากประจำจะให้ดอกเบี้ยประมาณ 1.50% แต่เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงมักจะให้ดอกสูงถึง 3.50% ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาก แถมดอกเบี้ยที่ได้รับก็ไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายอีกด้วย เพราะได้รับการสนับสนุนทางกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินกันนั่นเอง

ตัวเลือกนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้เรื่องการลงทุนน้อย เน้นความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนดีกว่าการฝากธนาคารตามปรกติ หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารพาณิชย์ที่สนใจได้เลย

2. กองทุนรวม

กองทุนรวมคือการที่บริษัทจัดการกองทุนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายจะนำเงินของนักลงทุนรายย่อยไปลงทุนต่อตามความต้องการของนักลงทุน เช่น ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น โดยบริษัทจะได้รับค่าธรรมเนียมเป็นผลตอบแทนในการบริหาร วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้ขึ้นมาอีกระดับ แต่ไม่มีเวลาติดตามเอง ศึกษาเอง สิ่งที่นักลงทุนต้องทำคือเลือกกองทุนรวมให้เหมาะสม และทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ส่วนผลการดำเนินการของกองทุนก็สามารถทยอยติดตามได้เป็นระยะ

ตัวเลือกนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้เรื่องการลงทุนน้อยถึงปานกลาง เน้นความเสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทนปานกลาง แต่สูงกว่าฝากธนาคาร

หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่สนใจได้เลย ดูรายชื่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ที่ market.sec.or.th

3. การทยอยซื้อหุ้นแบบ DCA

DCA หรือ Dollar Cost Average คือการทยอยซื้อหุ้นในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะทยอยซื้อประมาณเดือนละครั้ง ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA คือราคาหุ้นที่ได้ซื้อจะเป็นราคากลางของค่าเฉลี่ย คือไม่ถูกที่สุดแต่ก็ไม่แพงที่สุด นักลงทุนที่ลงทุนด้วยวิธีนี้จึงจำเป็นต้องเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวที่ดี เพื่อหวังว่าราคาที่เติบโตในอนาคตจะช่วยสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวที่สุด หัวใจของการลงทุนแบบ DCA จึงเน้นหนักไปที่การลงทุนในหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน มีความมั่นคงในกิจการสูง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

ตัวเลือกนี้เหมาะกับผู้ที่มีความรู้เรื่องการลงทุนปานกลางถึงมาก รับความเสี่ยงได้มากกว่ากองทุนรวม ผลตอบแทนในระยะยาวดี แต่ต้องใช้การติดตามข้อมูลกิจการด้วยตนเอง

หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่หลักทรัพย์ที่สนใจได้เลย ปัจจุบันมีทั้งระบบการทยอยซื้อแบบอัตโนมัติและทยอยซื้อด้วยตนเอง นักลงทุนสามารถเลือกได้ตามใจชอบได้เลย

ดูรายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ที่ www.set.or.th/set/memberlist.do

ทั้งหมดที่เลือกมาไม่ใช่ทางเลือกทั้งหมดที่มีในการลงทุน สิ่งสำคัญคือนักลงทุนต้องเริ่มต้นศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุนของตนเอง เพื่อที่จะสามารถวางแผนการเงินและการลงทุนของตัวเองได้อย่างเหมาะสม

หากไม่มีความรู้ด้านการเงินการลงทุนเลย แนะนำหนังสือ “คนไทยฉลาดการเงิน”

หากมีความรู้เรื่องการเงินการลงทุนบ้าง แต่อยากเริ่มลงทุนหุ้น แนะนำหนังสือ “เพาะหุ้นเป็นเห็นผลยั่งยืน”

สุดท้ายนี้อยากบอกว่า ไม่มีการลงทุนไหนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากมายมหาศาลได้เท่ากับการลงทุนในความรู้เลย ดังนั้น เงินเหลือ 1,000 บาทของเดือนแรก เริ่มด้วยการไปซื้อหนังสือลงทุนดีดีอ่านก่อนนะ

หมื่นลี้เริ่มที่ก้าวแรก

ไม่เริ่มวันนี้… แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่กัน?

ลงทุนศาสตร์ – Investerest

iran-israel-war