Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

สื่อหลายสำนักรายงานว่า นายโจ ไบเดน กำลังก้าวขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ซึ่ง FINNOMENA Investment Team มีมุมมองว่าแม้ประธานาธิบดีทรัมป์ และทีมหาเสียงจะยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุด แต่จะส่งผลได้แค่เพียงประกาศผลการเลือกตั้งล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งแนวโน้มที่ผลการเลือกตั้งจะเปลี่ยนแปลงมีน้อยมาก

ซึ่งนโยบายที่โดดเด่นของนายโจ ไบเดน คือ Green Energy และการพาสหรัฐฯ กลับเข้าร่วม Paris Agreement เพื่อเป็นผู้นำโลกในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาโลกร้อนในระยะยาว  ซึ่ง FINNOMENA Investment Team มีมุมมองว่าการจะผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริง นโยบายการต่างประเทศภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน จะต้องลดท่าทีแข็งกร้าวทั้งประเด็น Trade War และ Tech War เพื่อผลประโยชน์ในการเจรจาประเด็นต่างๆ ด้วยท่าทีดังกล่าว จึงมีมุมมองว่าประเทศจีนจะได้รับผลเชิงบวกในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ผลการเลือกตั้งที่มีแนวโน้มออกมาในรูปแบบ Spilt Congress จะทำให้ขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในกลุ่มภูมิภาค Emerging Market และเมื่อพิจารณาดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่ก็พบว่าตลาดหุ้นจีนเป็นสัดส่วนหลักในดัชนีดังกล่าว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้เศรษฐกิจสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งเมื่อไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่องมายังไตรมาสที่ 3 ของปี ส่วนระดับมูลค่า (Valuation) ของหุ้นกลุ่ม New Economy ในตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจกว่าในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

รูปที่ 1 China Margin Trading l Source : Bloomberg As of 09/11/20

หลังเงินกู้มาร์จิ้นในจีนปรับตัวขึ้นไปพร้อมดัชนี CSI300 จะแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุดขนาดของเงินกู้ดังกล่าวปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากช่วงกลางปี และยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อตอนเกิดฟองสบู่ในปี 2015 อีกราว 5,700 ล้านหยวน

มุมมองทางเทคนิค (Technical Analysis) 

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กราฟของดัชนี CSI 300 รายสัปดาห์ (Weekly Chart) สามารถผ่านจุดสูงสุดเดิมเมื่อต้นปี 2018 ซึ่งถือเป็นแนวต้านระยะยาวที่สำคัญ ขณะที่ MACD ให้สัญญาณซื้อ (Buy Signal) มาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ในมุมมองทางเทคนิค 

นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ และล่าสุด Daily chart ของดัชนีได้ให้สัญญาณ Buy Signal เมื่อวันศุกร์ที่ 6/11/2020 ซึ่ง FINNOMENA Investment Team ยังมีมุมมองว่าดัชนี CSI300 มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้อีกไปทดสอบ Fibonacci Retracement 161.80% ซึ่งใกล้เคียงกับจุดสูงสุดเดิมเมื่อปี 2015 ที่ระดับ 5,300 จุด  มี Upside ประมาณ 7% จากระดับราคาในวันที่ 9/11/2020

Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

รูปที่ 2 กราฟดัชนี CSI 300 (TF Week) l Source : TradingView As of 09/07/20

ข้อมูลสถิติสนับสนุน

ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีน CSI 300 เคยเป็นขาขึ้นที่สร้างผลตอบแทนมากกว่า 30% มาแล้วทั้งหมด 9 ครั้ง โดยทั้ง 9 ครั้ง ไม่มีการปรับฐานระหว่างทางมากกว่า 10% และถึงแม้รอบนี้ดัชนี CSI 300 จะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมเมื่อปี 2015 ได้จริงตามการคาดการณ์ เราพบว่า ในมุมมองด้าน Valuation นั้น ก็ยังถูกกว่าตอนที่ดัชนีทำจุดสูงสุดในปี 2015 และ Forward P/E ณ ระดับปัจจุบัน ก็ต่ำกว่า ดัชนี S&P500 มากกว่า 40% ทีเดียว

FINNOMENA Tactical Call : 

เราแนะนำเข้าลงทุนเก็งกำไร เน้นรอบระยะสั้น 3-6 เดือน ในกองทุน TMB-ES-CHINA-A, TMBCHEQ และ TMBCOF ซึ่งมีการลงทุนหลักในตลาดหุ้นจีน A-Share

เป็นที่ทราบกันว่า หากจบรอบของตลาดหุ้นขาขึ้นของจีน การปรับฐานที่เกิดขึ้นในอดีตค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็วมากกว่าดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น ๆ ดังนั้นนักลงทุนที่เหมาะกับ Tactical Call นี้ควร…

1. เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง

2. ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10-15% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

3. นักลงทุนที่รับความผันผวนได้ คาดหวังผลกำไรประมาณ 7%

4. นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

5. ด้วย มุมมองเชิงบวกจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเรามองว่าจีนจะได้ประโยชน์ในระยะ 6 – 12 เดือนข้างหน้า จากท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐฯกับผู้นำคนใหม่ ทำให้เราแนะนำลูกค้าเข้าลงทุนได้ต่อไป

6. อย่างไรก็ตามงจุดที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อภายใต้ Tactical Call คือ ดัชนี CSI300 ยืนเหนือระดับ 4,900 จุด เนื่องจากอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) จะสูงกว่า 50% หรือ 0.5 หรือไม่คุ้มค่าต่อความเสี่ยง

7. จึงแนะนำสามารถเข้าลงทุนได้ในช่วงระยะเวลาที่ดัชนีใกล้เคียง 4,900 จุด นี้ เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ภายใต้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio ที่ยังใกล้เคียงระดับ 50% หรือ 0.5 อยู่)

รายละเอียดกองทุน TMB-ES-CHINA-A, TMBCHEQ และ TMBCOF

กองทุน TMB-ES-CHINA-A

เน้นลงทุนในกองทุนรวม UBS (Lux) IS – China A Opportunity (กองทุนหลัก) Class I-A2-acc ซึ่งลงทุนหุ้น China A Shares (จีนแผ่นดินใหญ่) มีกลยุทธ์ในการบริหารแบบเชิงรุก (Active) โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ MSCI China A Onshore  (net) dividend reinvestment โดยกองทุนคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up โดยเน้นบริษัทที่ได้รับผลดีจากการบริโภคภายในและสังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้หากพิจารณาสัดส่วนราย Sector แล้ว พบว่ากองทุนมีสัดส่วนหลักใน Financial Services ซึ่งเป็น Sector หลักที่หนุนตลาดในช่วงที่ผ่านมา และจะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐที่ยังเหลือช่องว่างอีกมาก หากเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลก

Sector Exposure & Top 10 Holding

Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

รูปที่ 3 Sector Exposure & Top 10 Holding UBS (Lux) IS – China A Opportunity l Source : UBS As of 9/11/20

ในส่วนกองทุน TMB-ES-CHINA-A แม้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ แต่จากการตรวจสอบกับทีมงานการลงทุนของ TMBAM Eastspring พบว่ากองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนในระดับมากกว่า 95% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ

กองทุน TMBCHEQ

เน้นลงทุนใน iShares FTSE A50 China Index ETF ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่มีกลยุทธ์การบริหารแบบ Passive ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี FTSE China A 50 Index โดยมิได้ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งลักษณะของกองทุนดังกล่าวจะทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีดังกล่าวประกอบกับผลจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาทไทยเพิ่มเติมเข้าไปอีกต่อหนึ่ง

Sector Exposure & Top 10 Holding

Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

รูปที่ 4 Sector Exposure iShares FTSE A50 China Index ETF l Source : Blackrock As of 9/11/20

Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

รูปที่ 5 Top 10 Holding iShares FTSE A50 China Index ETF l Source : Blackrock As of 9/11/20

กองทุน TMBCOF

เน้นลงทุนในกองทุนรวม UBS (Lux) Equity Fund–China Opportunity (USD) ในหน่วยลงทุนชนิด Class I-A1-acc มีกลยุทธ์ในการบริหารแบบเชิงรุก (Active) โดยมีดัชนีอ้างอิง MSCI China 10/40 (net div. reinv.) โดยกองทุนคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up โดยเน้นบริษัทที่ได้รับผลดีจากภาคส่วนบริโภคภายในที่เติบโต การพัฒนาด้านเทคโนโลยี และแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุ โดยมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ แต่จากการตรวจสอบกับทีมงานการลงทุนของ TMBAM Eastspring พบว่ากองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนในระดับมากกว่า 90-95% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ

Final Call FINNOMENA Tactical Call : ตลาดหุ้นจีนเมื่อไบเดนกำลังครองตำแหน่งประธานาธิบดี

รูปที่ 6 Sector Exposure & Top 10 Holding UBS Equity China Opportunity I-A1-acc l Source : UBS As of 9/11/20

FINNOMENA Investment Team

สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ FINNOMENA เข้าสู่แอปเพื่อสร้างแผน DIY และซื้อขายได้ทันที ส่วนผู้ที่ยังไม่มีบัญชีซื้อขายกับ FINNOMENA >>คลิกที่นี่<< เพื่ออ่านวิธีการเปิดบัญชีภายใน 1 วัน

สำหรับลูกค้าใหม่ เปิดบัญชีกองทุน FINNOMENA วันนี้ รับฟรี! กองทุนมูลค่า 100 บาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม  https://finno.me/oa1190

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ TMB-ES-CHINA-A และ TMBCHEQ
หุ้นจีนกำลังขึ้นแรง? ซื้อกองทุน TMB-ES-CHINA-A ดีไหม? เรื่องจริงไม่อิงนิยาย สรุปปาฏิหาริย์ประเทศจีน
โพยเปรียบเทียบกองทุนจีน TMBCHEQ V.S. TMB-ES-CHINA-A แบบดูง่าย ๆ

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ TMBCOF
อัปเดตกองทุน TMBCOF กองทุนหุ้นจีนยอดฮิต !
รีวิวจัดเต็มกองทุน TMBCOF ปี 2020

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน