ดอลลาร์อ่อนค่า!! Bond Yield สหรัฐ 30 ปี พุ่งทะลุ 5% พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น สูงสุดในรอบ 25 ปี เป็นจุดเสี่ยงทำระบบการเงินโลกพังทลาย!! หรือเป็นโอกาสอันท้าทายสะสมกองทุนตราสารหนี้โลก
ประเด็นใหญ่ที่ถูกพูดถึงมากในช่วงนี้ คือ ความมั่นเชื่อในระบบการเงินโลก จากการอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลัง Moody’s Rating ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ย
ส่งผลให้ Yield Curve ตัวยาวทั่วโลกกำลังชันขึ้น ตลาดกังวลเงินเฟ้อระยะยาวจะเพิ่มขึ้น
มาพร้อมกับความกังวล Debt-to-GDP สหรัฐอเมริกาที่เกิน 100% แล้ว และมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงถึงประมาณ 880,000 ล้านดอลลาร์
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งศูนย์กลางการเงินโลกอย่างญี่ปุ่นที่มีหนี้สาธารณะประมาณ 260% ของ GDP และเงินเฟ้อญี่ปุ่นยังพุ่งแรงในรอบ 2 ปี โดยคาดว่ามีโอกาสที่ BoJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
Bond Yield สหรัฐฯ กลับไปเคียงกับระดับปี 2006-2007
- อายุ 30 ปี = 5.04%
- อายุ 10 ปี = 4.51%
- อายุ 2 ปี = 4.03%
ข้อสังเกตคือการที่ Bond Yield สูงสะท้อนความกังวลของนักลงทุน ทั้งด้านเงินเฟ้อ หนี้สาธารณะ และความเสี่ยงการคลัง ระดับ Yield ใกล้เคียงช่วงก่อนเกิด Subprime Crisis อาจบ่งชี้ว่าแรงกดดันต่อตลาดการเงินเริ่มกลับมา
Bond Yield ญี่ปุ่นพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและสถานะการคลังของประเทศที่ยํ่าแย่ลง ซึ่งที่ผ่านมา BOJ มีนโยบายการเงินผ่อนคลายสุดขั้ว โดยใช้ดอกเบี้ยติดลบ และควบคุม Yield Curve Control ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรตัวเองเพื่อกดดอกเบี้ยให้ต่ำมาหลายปี
แต่การที่อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นเริ่มสูงขึ้น อาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จึงเพิ่มแรงกดดันต่อ Bond Yield ระยะยาว
ประเด็นคือญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะมหาศาล หมายความว่าหากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจทำให้ภาระของรัฐบาลญี่ปุ่นสูงขึ้นอย่างรุนแรง
มุมมองการลงทุน และผลกระทบต่อกองทุนตราสารหนี้
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ช่วงที่ผ่านมา ผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศค่อนข้างผันผวน Bond Yield พันธบัตรรัฐบาลต่าง ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่มีอายุยาว ๆ ด้วยปัจจัยกดดันแตกต่างกันไป แต่ปัจจัยสำคัญเกี่ยวข้องกับมุมมองเงินเฟ้อ ฐานะการคลัง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าปัญหาต่อความกังวลเงินเฟ้อจะเปลี่ยนแปลงไปตามผลการเจรจาภาษีสุดท้ายของสหรัฐฯ กับประเทศต่าง ๆ มองว่า Fed ลดดอกเบี้ย การเจรจาทางการค้าจะคลี่คลาย
ทั้งนี้ PIMCO GIS Income เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ และปรับเพิ่ม Duration ขึ้นสู่ 5 ปี สะท้อนว่ามองเห็นโอกาสการลงทุนในช่วงที่ Yield ดีดสูงขึ้น
Finnomena Funds คงมุมมอง Positive ต่อตราสารหนี้โลก เนื่องจาก Yield อยู่ในระดับสูงน่าสนใจลงทุน
แนะนำกองทุนตราสารหนี้โลก UGIS-N ที่ผ่านมาผลกระทบจำกัดมาก (Duration ต่ำ 3-5 ปี)
แนะนำกองทุนตราสารหนี้เอเชีย K-APB-A(A) ผลกระทบต่ำ (Duration 5 ปี)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by Krungsri ติดต่อทีม Kept Help Center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299