
วันที่ 17 กันยายน 2025 ดัชนีหุ้นจีน H-Shares (HSCEI) ปรับตัวขึ้นราว 2% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่าง Baidu +16.78% JD.Com+5.23% Meituan 5.48% และ Alibaba 5.08%
แรงขับเคลื่อนหลักมาจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ดัชนี Hang Seng Tech Index แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งความคาดหวังต่อการลงทุนด้าน AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่ และสัญญาณเชิงบวกจากการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หากแนวโน้มฟื้นตัวนี้ดำเนินต่อไปอาจช่วยดึงดูดเงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาดจีน หลังจากเผชิญแรงกดดันจากมาตรการกำกับดูแลเข้มงวดและปัญหาเศรษฐกิจหลังช่วงโควิด ขณะเดียวกันการเปิดตัวโมเดล DeepSeek AI เมื่อต้นปีได้จุดประกายความสนใจครั้งใหม่เกี่ยวกับ AI ของจีน ทำให้ประเทศกลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้งในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก
นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนกำลังแข่งขันกันเองและกับสหรัฐฯ เพื่อครองความเป็นผู้นำด้าน AI ซึ่งถูกมองว่าจะเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงาน โดย Bloomberg Intelligence คาดว่าการลงทุนรวม (CapEx) ของบริษัทรายใหญ่ เช่น Alibaba, Tencent, Baidu และ JD.com จะพุ่งแตะ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2025 มากกว่าสองเท่าจาก 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 การทุ่มใช้จ่ายครั้งใหญ่นี้ยังนำไปสู่การระดมทุนคึกคักในตลาดหุ้นและพันธบัตร โดย Alibaba เพิ่งออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ Tencent ก็กลับมาออกพันธบัตรสกุลหยวน (dim sum bond) มูลค่า 9,000 ล้านหยวน (1.27 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการออกตราสารหนี้ครั้งแรกในรอบ 4 ปี
นอกเหนือจากแรงหนุนจากกระแส AI ปัจจัยบวกในกลุ่มอินเทอร์เน็ตจีนก็เริ่มชัดเจนขึ้น หลังรายงานสื่อท้องถิ่นได้ระบุถึงคำพูดของ ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) ประธาน JD.com ที่ระบุว่าเขาไม่สนใจทำสงครามราคาในธุรกิจโรงแรม ส่งผลให้หุ้น JD.com ปรับตัวขึ้นและยังหนุนหุ้นคู่แข่งอย่าง Meituan และ Trip.com Group ให้ปรับตัวขึ้นตามด้วย อีกปัจจัยสนับสนุนล่าสุดมาจากรายงานของสื่อทางการจีนเมื่อวันอังคารว่า ศูนย์ข้อมูล Sanjiangyuan ของ China Unicom ได้ลงนามติดตั้งชิป AI จากบริษัทท้องถิ่น รวมถึงหน่วยธุรกิจชิป T-Head ของ Alibaba โดยรายงานนี้ถูกนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ระหว่างการเยือนมณฑลชิงไห่
ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาณบวกด้านความสัมพันธ์จีนและสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในสัปดาห์นี้ว่าจะหารือกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในวันศุกร์ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุกรอบข้อตกลงเพื่อให้แอป TikTok สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปในสหรัฐฯ ได้
Finnomena Funds มองว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนวันนี้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของ Sentiment นักลงทุนที่เริ่มกลับมาเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทเทคโนโลยีจีน
เราคงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้นจีน H-shares และ Neutral ต่อหุ้นจีน A-shares
โดยมองว่ารัฐบาลจีนมีทิศทางนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้นและสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยเราชื่นชอบหุ้นจีน H-shares โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น ขณะที่หุ้นจีน A-Shares ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Old Economy และการเติบโตไม่โดดเด่น Valuation หุ้นจีน H-Shares แพงกว่าในอดีต แต่มาจากโครงสร้างตลาดหุ้นที่มีน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยีมากขึ้น
โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน MEGA10CHINA-A
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299