
ส่งท้ายปี 2025 โลกการลงทุนยังเต็มไปด้วยความผันผวนรอบด้าน ตั้งแต่เงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า ไปจนถึงความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่กดดันหลายภูมิภาค เพื่อให้พอร์ตของนักลงทุนยังคงแข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับความผันผวนเหล่านี้ All Weather Strategy จึงได้ปรับพอร์ส่งท้ายปี 2025 พร้อมวางกลยุทธ์เพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่งของพอร์ตและโอกาสเติบโตในระยะยาว
ในงาน Exclusive Afternoon Tea with Andrew Stotz “Rebalancing for Resilience : Strengthen Your Portfolio Amid Global Shifts” เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา จัดขึ้นที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ Andrew Stotz นักวิเคราะห์การลงทุนชั้นนำของไทย ได้นำเสนอทั้งมุมมองเศรษฐกิจโลกล่าสุด ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา และเหตุผลเบื้องหลังการปรับพอร์ต AWS ในครั้งนี้ เพื่อให้พอร์ตพร้อมรับมือกับความผันผวน และเสริมเกราะให้พอร์ตพร้อมรับปี 2026 ที่กำลังมาถึง
พอร์ต All Weather Strategy โดย Andrew Stotz นักวิเคราะห์ชั้นนำของประเทศไทยร่วมกับ Finnomena Funds ใช้ FVMR Framework ในการวิเคราะห์การลงทุน มุ่งหวังเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ดูรายละเอียดและลองสร้างแผนได้ที่ https://finno.me/plan-guruport-aws-ws
สร้างพอร์ตแกร่งทุกสภาวะตลาดด้วย All Weather Strategy
All Weather Strategy (AWS) ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตการลงทุน โดยเป็นพอร์ตการลงทุนที่มุ่งหวังเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาผลตอบแทนระยะยาว พร้อมปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตทุกไตรมาสตามสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาด ทำให้พอร์ตสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นับตั้งแต่จัดตั้งในปี 2019 พอร์ต AWS สร้างผลตอบแทนสะสมได้กว่า 71.7% สูงกว่าพอร์ตแบบดั้งเดิมที่มีสัดส่วนหุ้น 60% และตราสารหนี้ 40% (60/40 Portfolio) ถึง 43.0% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2568)* สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือความผันผวนในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงโดยเน้นการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ*
*ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต / ผลการดำเนินงานของดัชนีอ้างอิงและกลยุทธ์ถูกคำนวณจากมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) ของกองทุน ซึ่งเป็นตัวเลขหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดการ (management fee) แล้ว แต่ไม่รวมค่าธรรมเนียมการขาย เช่น front-end fees
ปรับพอร์ตส่งท้ายปี 2025 เสริมเกราะให้พอร์ตท่ามกลางโลกที่ผันผวน
เพื่อเสริมเกราะให้พอร์ต AWS ท่ามกลางโลกที่ผันผวน ในเดือนธันวาคม 2568 ทีมงาน A. Stotz จึงทำการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ต AWS โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เพิ่มสัดส่วนหุ้นโลก (Core Global Equity) อีก 15%
- เพิ่มสัดส่วนหุ้นตลาดเกิดใหม่ยกเว้นจีน (Emerging Markets ex China) จาก 5% เป็น 25%
- เพิ่มสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ จาก 5% เป็น 15%
- ลดสัดส่วนหุ้นจีนจาก 25% เป็น 10%
- ลดสัดส่วนหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นและจีน (Asia ex Japan ex China) จาก 25% เป็น 5%
- ปิดการลงทุนในหุ้นยุโรปและหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งเดิมถือสัดส่วนตลาดละ 5%
- ทองคำและพันธบัตรยังคงสัดส่วนไว้ที่ 25% และ 5% ตามลำดับ
สรุปภาพรวมตลาด: จับทิศเศรษฐกิจโลกก่อนเข้าปี 2026
ฝั่ง สหรัฐฯ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า แต่เศรษฐกิจยังแสดงความแข็งแกร่งเหนือประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ จากพื้นฐานบริษัทแข็งแกร่งและกำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังเป็นผู้นำเทคโนโลยี AI ซึ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นให้โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา
ตรงข้ามกับ ยุโรป ที่ต้องรับมือแรงกดดันทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ตั้งแต่แผนการขึ้นภาษีในสหราชอาณาจักร ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีที่อ่อนแรง ไปจนถึงความไม่แน่นอนในการเมืองฝรั่งเศส ปัจจัยเหล่านี้กดทับบรรยากาศการลงทุนและชะลอการฟื้นตัวของภูมิภาคโดยรวม
ในขณะที่ ญี่ปุ่น ภาพรวมยังคงเปราะบางจากเงินเยนที่อ่อนค่า แม้รัฐบาลจะกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ความผันผวนของค่าเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นยังคงกดดันภาคธุรกิจ
ในทางกลับกัน ตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน) มีแรงหนุนหลายด้าน โดยเฉพาะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ช่วยลดภาระหนี้สกุลต่างประเทศและดึงดูดเงินทุนไหลเข้า อีกทั้งกระแสความต้องการ AI และ EV ยังช่วยหนุนประเทศผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อย่างเกาหลีใต้และไต้หวัน รวมถึงบราซิลที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับ เอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน) แม้ต้องจับตาความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ภูมิภาคนี้ยังมีปัจจัยหนุนหลายด้าน ทั้งการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์และแบตเตอรี่ที่สูงขึ้นจากเทคโนโลยี AI และ EV ตลอดจนบทบาทสำคัญในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ส่วน จีน แม้ถูกกดดันจากสงครามการค้า แต่หลังบรรลุข้อตกลงช่วงใยปลายเดือนตุลาคม ก็เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้น หากความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนคลี่คลาย จะมีโอกาสหนุนตลาดหุ้นจีนต่อเนื่อง โดยจีนยังได้เปรียบในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อย่างแบตเตอรี่ EV และ AI ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือเงินฝืดอาจช่วยพยุงตลาดในระยะสั้นได้
ในฝั่ง พันธบัตร ยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ต แม้ผลตอบแทนจริงอาจถูกกดดันจากเงินเฟ้อ แต่ด้วยความสัมพันธ์กับหุ้นที่ต่ำ ทำให้พันธบัตรยังคงมีบทบาทสำคัญในการกระจายความเสี่ยง
สุดท้าย ทองคำ ยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่อระดับหนี้ภาครัฐที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และจีน ทำให้ตลาดกังวลเรื่องเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านเครดิต กลงทุนจึงยังมองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ความไม่แน่นอนยังสูง
หากคุณกำลังมองหากลยุทธ์ที่วางแผนมาเพื่อรับมือทุกฤดูกาลของตลาด All Weather Strategy คือหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย A. Stotz Investment Research ออกแบบมาเพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว พร้อมช่วยบริหารความเสี่ยงในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://finno.me/plan-guruport-aws-ws
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ Finnomena
สามารถติดตามมุมมองการลงทุนรายละเอียดการปรับพอร์ตอย่างใกล้ชิดได้ที่
https://www.finnomena.com/tag/guruport-aws/
ข้อมูลติดต่อ: ฝ่ายสื่อสารการตลาด Finnomena
มะลิลา ใจพันธ์ โทร. 089-874-8982 Email: nim.malila@finbroadcasting.com
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวม ไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”


