All-Weather Strategy ปรับกลยุทธ์ ซื้อหุ้นตลาดเกิดใหม่ เพิ่มสัดส่วนทองคำ พร้อมรับมือทุกมรสุมตลาด

ในโลกการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนหลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า “พอร์ตของเราจะรอดไหมถ้าเกิดวิกฤต?” เพื่อตอบรับความท้าทายนี้ Finnomena Funds จึงจัดงานสัมมนาพิเศษ “All-Weather Strategy Thrive in Any Market ฝ่าทุกมรสุมตลาดกับการคว้าโอกาส สร้างพอร์ตให้แข็งแกร่ง” เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา

ในงานสัมมนา Andrew Stotz, CFA ได้นำเสนอพอร์ต “All-Weather Strategy (AWS)” พอร์ตการลงทุนที่ทางทีม A. Stotz จับมือร่วมกับ Finnomena Funds สรรค์สร้างขึ้น เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนพร้อมรับทุกฤดู ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะใด โดยมีหัวใจหลัก 3 อย่างคือ Global ลงทุนทั่วโลก, Long-term เน้นการเติบโตระยะยาว และ Diversified กระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์และภูมิภาค

พอร์ต All Weather Strategy โดย Andrew Stotz อดีตนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทยร่วมกับ Finnomena Funds ใช้ FVMR Framework ในการวิเคราะห์การลงทุน มุ่งหวังเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ดูรายละเอียดและลองสร้างแผนได้ที่ https://finno.me/plan-guruport-aws-ws

สร้างพอร์ตแกร่งทุกสภาวะตลาดด้วย All Weather Strategy

All-Weather Strategy (AWS) ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตการลงทุน โดยเป็นพอร์ตการลงทุนที่มุ่งหวังเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาผลตอบแทนระยะยาว โดยมีการบริหารความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด

จุดเด่นของพอร์ต AWS

  • ผลตอบแทนโดดเด่น: พอร์ต AWS มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6% ต่อปี และนับตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตในปี 2019 พอร์ตนี้ให้ผลตอบแทนสะสมแล้ว +52.8% สูงกว่าพอร์ต 60/40 แบบดั้งเดิมถึง 21.2% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 2568)* 
  • ความผันผวนต่ำกว่าตลาด: ด้วยการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ทำให้พอร์ต AWS มีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดโลกโดยรวม
  • ปรับพอร์ตสม่ำเสมอ: ทีม A. Stotz จะทำการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตทุกไตรมาสตามสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาด ทำให้พอร์ตสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

*ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ปรับพอร์ตครั้งใหญ่กลางปี รับมือโอกาสและความท้าทายที่กำลังจะมาถึง

เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนและมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในปี 2025 ทีมงาน A. Stotz จึงทำการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ต AWS ล่าสุด (มิถุนายน 2568) ดังนี้

หุ้น (Equity) – 70%

  • คงสัดส่วนหุ้นยุโรป 25% และเพิ่มสัดส่วนในตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน) เป็น 25%
  • ลดสัดส่วนจีนลงเหลือเพียง 5%
  • คงสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ หุ้นญี่ปุ่น และเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น) ไว้อย่างละ 5%

ทองคำ (Gold) – 25%

  • เพิ่มสัดส่วนขึ้นจาก 5% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากหนี้ภาครัฐที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ตราสารหนี้ (Bonds) – 5%

  • ลดสัดส่วนลงจาก 25% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ตลาดโลกยังน่ากังวล แต่ยังมีโอกาสซ่อนอยู่

  • สหรัฐฯ: แม้จะเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่ยังมีความน่ากังวลจากหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP ถึงสองเท่านับตั้งแต่ปี 2000 นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอน
  • จีน: เศรษฐกิจจีนยังน่ากังวล ภาวะเงินฝืดยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แม้สงครามการค้าจะหยุดชั่วคราว แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังคงห่างไกลกับคำว่าจบ จึงมองว่าการลงทุนในหุ้นจีนตอนนี้อาจไม่คุ้มกับความเสี่ยง
  • ยุโรป: เป็นภูมิภาคที่น่าจับตา เนื่องจาก Valuation ยังถูกเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
  • ตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน): ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยประเทศในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ ซึ่งมักมีราคาอ้างอิงเป็นดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในสกุลเงินท้องถิ่นจะสูงขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออกและกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • เอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน): ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอาจทำให้บริษัทต่าง ๆ ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในเอเชียที่อยู่นอกประเทศจีน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำหรับภูมิภาคนี้ และแม้ว่าภูมิภาคนี้จะมีความท้าทายจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงจะส่งผลดีต่อการส่งออกของประเทศในกลุ่มนี้
  • ทองคำ: ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยมหภาคสำคัญ เช่น หนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น และความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก ทองคำจึงยังคงทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedge) ของพอร์ตที่ช่วยลดความเสียหายในยามวิกฤต

 

Andrew Stotz เน้นย้ำว่า “การลงทุนระยะยาวที่ยั่งยืน ไม่ได้หมายถึงการเอาชนะตลาดทุกปี แต่คือการเอาตัวรอดจากช่วงตลาดขาลง และเดินหน้าต่อได้เมื่อโอกาสกลับมา” AWS จึงไม่ได้เน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่เน้นการลงทุนที่ลดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง

หากคุณกำลังมองหากลยุทธ์วางแผนมาเพื่อรับมือทุกฤดูกาลของตลาด All-Weather Strategy คือหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย A. Stotz Investment Research ออกแบบมาเพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว พร้อมช่วยบริหารความเสี่ยงในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://finno.me/plan-guruport-aws-ws


สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้

ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ Finnomena

สามารถติดตามมุมมองการลงทุนรายละเอียดการปรับพอร์ตอย่างใกล้ชิดได้ที่
https://www.finnomena.com/tag/guruport-aws/


ข้อมูลติดต่อ: ฝ่ายสื่อสารการตลาด Finnomena 

มะลิลา ใจพันธ์ โทร. 089-874-8982 Email: nim.malila@finbroadcasting.com

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | การลงทุนในกองทุนรวม ไม่ใช่การฝากเงิน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

Wealth Health Check