CATL All-Time High

กระแสการลงทุนในหุ้นพลังงานและ EV จีนทวีความร้อนแรงขึ้น หลังรัฐบาลปักกิ่งประกาศอัดฉีดเงินกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) เพื่อผลักดันการติดตั้งระบบพลังงานสำรองขนาดใหญ่ ควบคู่กับการเปิดแผนยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอย่างเป็นระบบ

ส่งผลให้หุ้นกลุ่มแบตเตอรี่และ EVพุ่งแรงทั่วกระดาน โดยเฉพาะ CATL (HKG: 3750) ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของโลกที่ทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High)

CATL พุ่งแรง ทำสถิติใหม่

CATL All-Time High

ราคาหุ้น CATL | Source: TradingView as of 15/09/2025

หุ้น CATL ทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งตลาดฮ่องกงและเซินเจิ้น สะท้อนความเชื่อมั่นต่อบทบาทของบริษัทในฐานะหัวใจสำคัญของห่วงโซ่พลังงานสะอาด โดยมีแรงหนุนจาก แผนพลังงานสำรอง (New Energy Storage) ของรัฐบาลจีนตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 95 GW (มิถุนายน 2025) เป็น 180 GW ภายในปี 2027 ซึ่งหมายถึงการเติบโตเกือบ 90% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี

นักวิเคราะห์มองว่าความเชื่อมั่นครั้งนี้ไม่ได้มาจากข่าวนโยบายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเสริมด้วยแรงหนุนจาก การอัปเกรดคำแนะนำหุ้น โดยโบรกเกอร์ชั้นนำ เช่น JPMorgan ที่เพิ่งปรับเป็น “Overweight” (14 ก.ย.) พร้อมเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2025–2026 ราว 10% จากแนวโน้มดีมานด์กักเก็บพลังงานที่แข็งแกร่ง

จีนเดินเกมยกเครื่องพลังงาน

เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา จีนประกาศแผนพัฒนา “พลังงานสำรองรูปแบบใหม่” (New Energy Storage) ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพลังงานของประเทศ เป้าหมายคือการติดตั้งกำลังการผลิตมากกว่า 180 ล้านกิโลวัตต์ภายในปี 2027 ซึ่งจะดึงเม็ดเงินลงทุนโดยตรงกว่า 250,000 ล้านหยวน หรือราว 35,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) เทียบกับกำลังการผลิตที่มีอยู่เพียง 95 กิกะวัตต์ ณ เดือนมิถุนายน 2025 

หมายความว่า จีนกำลังจะขยายศักยภาพด้านพลังงานสำรองเกือบ 90% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี

หัวใจของการขยายตัวครั้งนี้ยังคงเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความพร้อมเชิงพาณิชย์สูง แต่รัฐบาลไม่ได้หยุดอยู่ที่เทคโนโลยีเดียว หากยังผลักดันความหลากหลายของนวัตกรรมด้านการกักเก็บพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับโครงข่ายไฟฟ้าที่ต้องรองรับสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างลมและแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ตั้งเป้ายอดขาย 32.3 ล้านคัน

ไม่เพียงเท่านั้น จีนยังเดินหน้าเสริมแรงขับเคลื่อนในภาคยานยนต์ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ร่วมกับหลายหน่วยงาน ประกาศแผนยกระดับทั้งฝั่งอุปทานและอุปสงค์ในประเทศ มาตรการดังกล่าวรวมถึงการปรับปรุงคุณภาพของซัพพลายเชน การสนับสนุนโครงการเปลี่ยนรถเก่าเป็นรถใหม่ และการต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ (Battery Renewal) 

โดยเป้าหมายคือการผลักดันยอดขายรถยนต์จีนในปี 2025 ให้แตะระดับ 32.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้นราว 3% จากปีก่อนหน้า ซึ่งยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) จะต้องเติบโตถึง 20% อีกทั้งแผนดังกล่าวยังวางรากฐานให้อุตสาหกรรมยานยนต์จีนมีเสถียรภาพทั้งด้านขนาด คุณภาพ และประสิทธิภาพภายในปี 2026

ผลลัพธ์คือ หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำปรับขึ้นกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น 

  • Li Auto บวกกว่า 4.6% ในตลาดฮ่องกง 
  • BYD ขยับขึ้น 3.5% 
  • XPeng ปรับตัวขึ้น 1.6% 
  • Nio พุ่งขึ้นกว่า 3.5% 

ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตลิเธียมรายใหญ่อย่าง Tianqi Lithium และ Ganfeng Lithium ก็ปรับตัวขึ้นแรงตามทิศทางบวกของตลาด

ปัจจัยบวกเชิงโครงสร้างสำหรับ CATL

  • ส่วนแบ่งตลาดแข็งแกร่ง เดือนสิงหาคม 2025 ติดตั้งแบตเตอรี่ 26.45 GWh ครองตลาดจีน 42.35% เพิ่มจาก 41.40% ในเดือนก่อนหน้า

  • ห่วงโซ่อุปทานคลี่คลาย เหมืองลิเธียมหลักที่เคยหยุดผลิต กำลังกลับมาเดินเครื่องเต็มที่ ช่วยลดความกังวล Supply Risk

  • ขยายฐานในยุโรป โรงงานฮังการี (กำลังการผลิต 100 GWh) จะเริ่มเดินสายผลิตต้นปี 2026 เสริมกับโรงงานในเยอรมนี

  • ฐานโครงสร้างแข็งแรง: ปัจจัยหนุนระยะยาว ไม่ได้ขึ้นกับนโยบายรัฐเพียงอย่างเดียว แต่มีโครงสร้างธุรกิจรองรับอยู่แล้ว

ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนว่า จีนไม่ได้เพียงอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นตลาดในระยะสั้น แต่กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับทั้งระบบนิเวศของพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า และ CATL ก็ยังคงยืนหนึ่งในฐานะผู้เล่นรายใหญ่ที่ได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ

กองทุนที่เกี่ยวข้อง

  • KT-MINING เป็นกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมที่มุ่งลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลหะ และเหมืองแร่ ที่มีโอกาสได้รับประโยชน์โดยอ้อมจากมาตรการอัดฉีดของรัฐบาลจีน โดยเน้นลงทุนในหุ้นเหมืองทองประมาณ 30% เหมืองทองแดง 11% และเหมืองทรัพยากรอื่น ๆ รวมถึงถ่านหิน เหล็ก และลิเธียมอีกประมาณ 59%

  • SCBEV(A) เป็นกองทุนรวมเน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ EV ทั้งผู้ผลิตรถ แบตเตอรี่ สถานีชาร์จ และแร่วัตถุดิบ ผ่านหน่วยลงทุนของ KraneShares Electric Vehicles & Future Mobility Index ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งมุ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของดัชนี Bloomberg Electric Vehicles Index ทั้งนี้ NAV ของ SCBEV(A) ตั้งแต่แนะนำเข้าเมื่อ 18 ก.ค. 68 จนถึง 11 ก.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 9.93% โดยปัจจุบันกองทุนหลักถือหุ้น CATL ในสัดส่วน 3.71% ของพอร์ต (ข้อมูล ณ วันที่ 15/09/2025)

อ้างอิง: Investing.com, CnEVPost, MarketWatch, Financial Times

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal