ถ้าถือ LTF ต่อ ไม่สับเปลี่ยนไป Thai ESGX จะเป็นยังไง?

ย้อนกลับไปปี 2562 รัฐประกาศยุติสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุน LTF อย่างเป็นทางการ แต่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่เคยซื้อไว้ก่อนหน้านั้น ยังคงถือ LTF เดิมไว้อยู่ จนทยอยครบกำหนดขายคืนได้แล้วในช่วงปี 2566-2568 และในปีภาษี 2568 นี้ รัฐได้เปิดทางเลือกพิเศษ ให้สามารถ “สับเปลี่ยน” LTF เดิมไปกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกครั้ง

เชื่อว่าหลายคนยังคงลังเลกับการสับเปลี่ยนนี้อยู่… ถ้าถือ LTF ไว้เหมือนเดิม ไม่สับเปลี่ยนไป Thai ESGX จะเป็นอะไรไหม? จะเสียสิทธิภาษีหรือเปล่า? จะยังขายได้ไหม? หรือถือไว้เฉย ๆ ก็ได้ บทความนี้จะสรุปทุกคำตอบแบบเข้าใจง่ายเพื่อช่วยให้คนที่มี LTF อยู่ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

LTF จะเป็นยังไงต่อหลังจากนี้?

หลังจากหมดช่วงเวลาที่เปิดให้สับเปลี่ยนกองทุน LTF เป็นกองทุน Thai ESGX (ภายในวันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568) แล้ว LTF จะ… 

  • เปลี่ยนสถานะเป็นกองทุนรวมทั่วไป และไม่มีสถานะเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีอีกต่อไป
  • เปลี่ยนชื่อและประเภทกองทุนเป็น “กองทุนผสม” โดยเน้นลงทุนในหุ้นไทย ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
  • ไม่มีข้อผูกพันเรื่องระยะเวลาถือครองอีกต่อไป สามารถขายคืนเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ

ถ้าไม่สับเปลี่ยน LTF ไป Thai ESGX แล้วจะเป็นยังไง?

1. จะไม่ได้รับสิทธิในการใช้ลดหย่อนภาษีตามวงเงิน 2

หากไม่สับเปลี่ยน LTF เดิม ไปเป็นกองทุน Thai ESGX จะไม่ได้รับสิทธิในการใช้วงเงินลดหย่อนภาษีตามวงเงิน 2 ซึ่งมีมูลค่าลดหย่อนสูงสุด 500,000 บาท (ปีแรกไม่เกิน 300,000 บาท ปีที่ 2-5 ลดหย่อนสูงสุดปีละ 50,000 บาท) โดยสิทธินี้เป็นมาตรการเฉพาะปีภาษี 2568 สำหรับผู้ที่ดำเนินการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ไปยัง Thai ESGX ตามเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น

2. ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เฉพาะในส่วนของวงเงินใหม่ (วงเงิน 1)

หากเลือกไม่สับเปลี่ยน LTF เดิมไปเป็นกองทุน Thai ESGX ผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนใน Thai ESGX ได้ตามปกติ และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตาม วงเงิน 1 ได้ โดยไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกันกับการลงทุนในกองทุน Thai ESG

3. ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจาก Thai ESGX วงเงินรวมสูงสุด 900,000 บาท ได้เต็มจำนวน

สำหรับปีภาษี 2568 ภาครัฐเปิดให้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุน ESG ได้รวมกันสูงสุดไม่เกิน 900,000 บาท โดยแบ่งตามประเภทวงเงิน ดังนี้

  • Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุด 300,000 บาท
  • Thai ESGX (วงเงิน 1) ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุด 300,000 บาท
  • Thai ESGX (วงเงิน 2) ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท โดยทยอยใช้สิทธิใน 5 ปี (ปีแรกไม่เกิน 300,000 บาท และปีที่ 2-5 ลดหย่อนจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปี สูงสุดปีละ 50,000 บาท)

 

ดังนั้น หากผู้ลงทุนไม่ดำเนินการสับเปลี่ยน LTF เดิมไปยัง Thai ESGX ตามเงื่อนไขภายในช่วงเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถใช้สิทธิในวงเงิน 2 ได้ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มตามวงเงินรวมสูงสุดที่ภาครัฐกำหนดไว้สำหรับปี 2568

อ่านเพิ่มเติม RMF, Thai ESG, Thai ESGX ใช้สิทธิยังไงไม่ให้ทับซ้อน? โอกาสลดหย่อนภาษีปี 68 ที่ต้องวางแผนให้ดี

สรุปทางเลือกของคนถือ LTF

ถ้าถือ LTF ต่อ ไม่สับเปลี่ยนไป Thai ESGX จะเป็นยังไง?

ทางเลือกที่ 1: สับเปลี่ยน LTF ไปเป็นกองทุน Thai ESGX

  • ผู้ลงทุนอาจได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มตามวงเงิน 2 รวมสูงสุด 500,000 บาท โดยแบ่งเป็น ปีแรกไม่เกิน 300,000 บาท และปีที่ 2-5 สูงสุดปีละไม่เกิน 50,000 บาท
  • เมื่อใช้ร่วมกับวงเงินอื่น ผู้ลงทุนอาจใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุน ESG ได้รวมกันไม่เกิน 900,000 บาทในปีภาษี 2568 (ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละบุคคล)
  • เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนภาษีในระยะยาวได้ต่อเนื่อง พร้อมลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายเน้นหลัก ESG ในหุ้นไทย

 

เงื่อนไขสำคัญ: ต้องสับเปลี่ยน LTF เดิมที่มีอยู่ทั้งหมดไปยัง Thai ESGX ภายในช่วงวันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 โดยต้องไม่มีการขายหรือสับเปลี่ยน LTF ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป และหลังจากสับเปลี่ยนแล้วต้องถือครอง Thai ESGX อย่างน้อย 5 ปี (นับวันชนวัน)

ทางเลือกที่ 2: ถือ LTF ไว้เหมือนเดิม ไม่สับเปลี่ยนไป Thai ESGX

  • จะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามวงเงิน 2 ได้ (สูงสุด 500,000 บาท) ซึ่งเป็นสิทธิภายใต้มาตรการเฉพาะของปีภาษี 2568 สำหรับผู้ที่สับเปลี่ยนไป Thai ESGX เท่านั้น
  • กองทุน LTF จะถูกเปลี่ยนเป็นกองทุนผสมทั่วไป ที่ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อไป
  • ไม่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาการถือครองเพิ่มเติม หากถือครบตามเกณฑ์เดิมแล้ว สามารถขายคืนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ถ้าอยากใช้สิทธิสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไป Thai ESGX ต้องทำยังไง?

  1. เช็กยอดกองทุน LTF ที่มีสิทธิ โดยติดต่อ บลจ. หรือจากระบบ FundConnext https://setga.page.link/Bzid 
  2. ต้องไม่เคยขายหรือสับเปลี่ยนกองทุน LTF ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68
  3. ต้องสับเปลี่ยน LTF เดิมที่มีอยู่ “ทั้งหมด” ทุก บลจ. ไปกองทุน Thai ESGX ให้ครบ ภายใน 30 มิ.ย. 68

สรุป… ถ้าถือ LTF ต่อไปจะเป็นยังไง?

LTF จะกลายเป็นกองทุนผสมทั่วไป ไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาถือครองเพิ่มเติม และไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนต่อ

ถ้ายังไม่ต้องการสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX ก็สามารถถือไว้ได้ แต่ถ้ายังอยากวางแผนภาษีต่อเนื่องในอนาคต การทยอยขาย LTF เดิมแล้ววางแผนลงทุนใหม่ผ่าน RMF (หากยังมีวงเงินภาษีเหลืออยู่) ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ 

หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX กรุณาติดต่อบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ท่านถือหน่วยลงทุนอยู่

Finnomena Funds คัดกองทุน Thai ESGX ที่เดียวครบจาก 19 บลจ. ชั้นนำ โอกาสการลงทุนครั้งสำคัญ พร้อมลดหย่อนภาษีเฉพาะปี 2568 ลงทุนภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้เท่านั้น

ดูคำแนะนำเพิ่มเติม 👉 https://finno.me/thaiesg-hub-ws


คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน Thai ESGX กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ThaiESGX