Finnomena Monthly Investment Outlook กลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนตุลาคม 2025

สรุปกลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนตุลาคม 2025: AI: A Tailwind for Equities, a Headwind for Employment ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี AI

Executive Summary 

  • ในเดือนที่ผ่านมาภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนจากหุ้นกลุ่ม AI ที่แนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตได้ดี รวมถึงความกังวลเรื่องนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ค่อย ๆ คลี่คลายลง แม้จะยังเป็นความเสี่ยงในอนาคต ในขณะที่ผลกระทบต่อเงินเฟ้อยังไม่ชัดเจนทำให้ตลาดยังทิศทางการลดดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่ชัดเจน เป็นแรงหนุนต่อตลาดหุ้นโลกในภาพรวม
  • เรามีมุมมองการลงทุนที่ดีขึ้นในหลายตลาด โดยปรับเพิ่มมุมมองในหุ้นเวียดนามขึ้น 2 ขั้น เป็น Positive ปรับเพิ่มมุมมองต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ขึ้น 1 ขั้นสู่ระดับ Slightly Positive และ Neutral ตามลำดับ

ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

  • ปรับเพิ่มมุมมองตลาดหุ้นสหรัฐฯ สู่ Neutral จากเดิม Slightly Negative
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแกร่งกว่าที่คาด โดย GDP ยังแข็งแกร่งกว่าคาดมาจาก Consumer Spending ที่ดีขึ้น เงินเฟ้อ (Core PCE) ยังทรงตัว แต่ตลาดแรงงานส่งสัญญาณอ่อนตัว Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยสวนทางธนาคารกลางหลัก ๆ ทั่วโลก จากแรงกดดันทางการเมือง หนุน valuation ของตลาดให้อยู่ในระดับสูงได้
  • ด้านตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ส่วนหนึ่งมาจาก AI Disruption ซึ่งเห็นผลกระทบในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี กำไรหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้ หลัก ๆ มาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยหนุน upside ของตลาด
  • แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ Defensive ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวนอย่างกองทุน ES-GAINCOME-A และ K-GPINUH-A(A)

ตลาดหุ้นยุโรป

  • คงมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นยุโรป โดยแนะนำคงสัดส่วน
  • ECB มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเงินเฟ้อล่าสุดที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปมีทิศทางขยายตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายภาครัฐของเยอรมนี
  • ความผันผวนทางการเมืองฝรั่งเศสกระทบต่อตลาดหุ้นยุโรปในช่วงสั้น ๆ 
  • การซื้อหุ้นในบริษัทยุโรปคืนยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจะช่วยหนุน EPS ของตลาดปรับตัวดีขึ้น หุ้นยุโรปแม้ถูกปรับลดประมาณการกำไร แต่ Valuation อยู่ระดับค่าเฉลี่ย

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยแนะนำทยอยสะสม ASP-NGF
  • อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง จากการให้ Subsidy ค่าน้ำค่าไฟของรัฐบาล ขณะที่ราคาอาหารยังคงกดดันเงินเฟ้อแต่เริ่มมีทิศทางชะลอตัวลง โดยราคาข้าวปรับตัวลดลงมาแล้ว
  • ตลาดคาด BoJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วสุดอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้า และขึ้นเป็นแบบค่อยเป็นไป การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BoJ หุ้นกลุ่มธนาคารจะได้รับอานิสงส์ หลังจากที่แต่ก่อนไม่เห็น Growth
  • การเลือกตั้งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะสั้น
  • TSE และ FSA จริงจังกับการทำ Corporate Governance โดยล่าสุดผู้อำนวยการ FSA ระบุว่าบริษัทไหนที่มี Cross Shareholding ต้องอธิบายเหตุผลรวมถึงเปิดเผยแผนการขายหุ้นเหล่านั้นในรายงานหลักทรัพย์ประจำปีต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี พร้อมเพิ่มเกณฑ์ตรวจสอบใหม่

ตลาดหุ้นจีน

  • คงมุมมอง Slightly Positive หุ้นจีน H-Shares  และคงมุมมอง Neutral หุ้นจีน A-Shares
  • แนะนำทยอยสะสมกองทุน MEGA10CHINA-A
  • ตลาดหุ้นจีนยังคงได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องในประเทศที่ดีขึ้น จากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนรายย่อยและการสนับสนุนจากภาครัฐที่ยังคงดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้ตัวเลขการบริโภคและดัชนี CPI รวมถึง PPI จะยังอ่อนแอ และ GDP เติบโตต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 5% แต่ภาครัฐยังคงเดินหน้ามาตรการส่งเสริมการใช้จ่ายและการลงทุน
  • รัฐภายใต้ธีม “China Involution” พยายามปราบปรามการแข่งขันที่หนักขึ้นโดยหนุนกำไรของกลุ่ม Food Delivery, รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Rare Earth & Industrials ให้มีความเสถียรมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีเริ่มเข้าสู่ช่วงปรับตัวเชิงโครงสร้าง โดยบริษัทใหญ่ เช่น Alibaba และ Baidu เร่งพัฒนา AI Training Chip เพื่อลดการพึ่งพาต่อ AI สหรัฐฯ เช่น Nvidia ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่ม AI และ Semiconductor
  • ด้าน valuation ของหุ้น Terrific Ten ยังน่าสนใจ โดย Forward P/E เฉลี่ยราว 18.9 เท่า ใกล้ค่าเฉลี่ย 10 ปี และคาด EPS เติบโตเฉลี่ยมากกว่า 20% ต่อปีในช่วงปี 2024–2027 สะท้อนศักยภาพฟื้นตัวของตลาดจีนในระยะกลาง 

ตลาดหุ้นอินเดีย

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นอินเดีย โดยแนะนำกองทุน TISCOINA-A และ B-BHARATA
  • เศรษฐกิจอินเดียยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการอ่อนลงเล็กน้อยจากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม แต่กิจกรรมเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ขณะที่ดอกเบี้ยยังสูงเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า การเติบโตของสินเชื่อภาคธนาคารยังเป็นขาขึ้น สะท้อนความแข็งแรงของภาคการเงินและการบริโภคในประเทศ
  • ด้านต่างประเทศแม้ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่สูงยังเป็นความเสี่ยง แต่สัดส่วนการส่งออกเพียง 2.1% ของ GDP ช่วยจำกัดผลกระทบ กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่ผลจากนโยบายวีซ่า H-1B ต่อกลุ่มเทคโนโลยีมีจำกัด
  • โดยรวมตลาดยังมีพื้นฐานดีแม้ valuation สูงกว่าตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ แต่ Earning Revision ที่ถูกปรับลดมาตั้งแต่ต้นปีได้มีท่าทีที่ชะลอตัวลง

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้

  • ปรับเพิ่มมุมมองหุ้นเกาหลีใต้สู่ Slightly Positive จากเดิม Neutral โดยแนะนำทยอยสะสมกองทุน SCBKEQTG  
  • เกาหลีใต้ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสการเติบโตของ AI Demand ที่ผลักดันความต้องการชิปหน่วยความจำขั้นสูงอย่าง HBM และ DRAM โดยเฉพาะบริษัท SK Hynix และ Samsung Electronics ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงและถือครองตำแหน่งผู้นำในตลาดโลก
  • ด้าน valuation หุ้นกลุ่ม Semiconductor เกาหลีใต้ยังคงเทรดในระดับที่ถูกกว่าหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ และจีน ขณะที่การส่งออกชิปยังเติบโตแข็งแกร่ง หนุนให้ประมาณการกำไร (EPS Revision) เริ่มปรับขึ้น ส่วน P/E ตลาดโดยรวมอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยระยะยาว กระแส Share Buyback ยังอยู่ในระดับสูงภายใต้นโยบาย Korea Value-Up Program โดยเฉพาะในกลุ่มการเงินและเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักมากในดัชนี
  • ขณะที่รัฐบาลชุดใหม่เดินหน้าปฏิรูประบบ Corporate Governance และผลักดัน Roadmap สู่การเป็นตลาดพัฒนาแล้ว (MSCI DM) ซึ่งจะช่วยปลดล็อก “Korea Discount” และดึงดูดเงินทุนต่างชาติในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างประเทศและภาษีนำเข้าสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นไทย

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นไทย แนะนำกองทุน TISCOHD-A ซึ่งเน้นลงทุนหุ้นปันผลสูง และแนะนำกลยุทธ์แบบ Selective & Dynamic ในหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้นไม่อิงหุ้นดัชนีอย่าง Definit SET Select
  • รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้น เช่น คนละครึ่ง ยกเว้นภาษีเงินปันผลสำหรับการลงทุนระยะยาว Thai ESG Scheme แบบถาวร ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้น ความเชื่อมั่นธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้น ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ได้ฟื้นชัดเจน แต่มาตรการกระตุ้นที่ออกมาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คนกลับมามีแรงซื้อ หนุนเศรษฐกิจได้ต่อ
  • Share Buyback พุ่งแรงสุดในรอบหลายปี หลังจากรัฐบาลไฟเขียวอนุมัติปรับหลักเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนตามโครงการใหม่ ไม่ต้องมีระยะเวลาพักคอย 6 เดือน หลาย ๆ ธนาคาร (KKP, TTB) มีการประกาศ Share Buyback ขณะที่หุ้นธนาคารใหญ่ ๆ ยังไม่ได้มีการประกาศ แต่เริ่มเห็นข่าว Early Retirement หรือ การลดต้นทุน และอาจทำ Share Buyback ได้ในอนาคต \
  • Dividend Yield ของ SET และ SETHD อยู่ในระดับสูง valuation ของตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับถูก แต่ต้อง Selective

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • ปรับเพิ่มมุมมองหุ้นเวียดนามสู่ Positive จาก Neutral แนะนำกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ KKP VGF-UI*
  • เวียดนามได้รับอัปเกรดสถานะเข้าสู่ Emerging Market โดยจะมีผลวันที่ 21 กันยายน 2026 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญจากกระแสเงินทุนต่างชาติ
  • การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure spending) ยังคงเติบโตต่อเนื่องสะท้อนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ การขยายตัวของสินเชื่อ (credit growth) ยังแข็งแกร่ง และล่าสุดธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ได้ระบุว่าจะเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้ภาคธุรกิจ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
  • PMI ทรงตัวที่ระดับ 50.4 แต่ยังอยู่ในแดนขยายตัว Government Revenue สะสมถึงไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ VND1.33 Quadrillion เกินครึ่งหนึ่งแล้วของทั้งปี 2024 การปฏิรูปเชิงโครงสร้างและกฎระเบียบที่ดำเนินอยู่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว valuation เวียดนามยังอยู่ในระดับถูก พร้อมทั้งถูกปรับประมาณการกำไรขึ้น

 (*ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย กองทุนรวมที่เสนอขายผู้ลงทุนสถานบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน)

หุ้นเทคโนโลยี

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้น Global technology แนะนำทยอยสะสม TISCOAI / B-INNOTECH
  • โดย US Census Bureau ตีพิมพ์ผลสำรวจภายในสหรัฐฯ พบว่าแนวโน้มการใช้งาน AI ในบริษัทยังคงเพิ่มสูงขึ้น
  • นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวนข่าวที่ถูกเขียนและมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ Generative AI กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง บริษัทที่เป็นผู้พัฒนาโมเดล GenAI ยังคงทยอยเปิดตัวโมเดลใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือใช้ต้นทุนที่ต่ำลงออกมาเรื่อย ๆ และยังมีการประกาศลงทุนในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น Quantum Computing, Tailor-Made Chips
  • ดัชนี Nasdaq Global AI & Big Data Index ถึงแม้กำไรถูกปรับลงเล็กน้อย แต่ระดับ valuation ไม่ได้อยู่ในระดับที่แพงเกินไป 

หุ้น Health Care

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้น Global Healthcare ทยอยสะสมกองทุน KKP GHC-A
  • ภาพรวมหุ้น Healthcare ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีในช่วงต้นเดือนตุลาคม จากปัจจัยหนุนเรื่องการเจรจาระหว่างรัฐบาลทรัมป์และบริษัทผู้ผลิตยา ซึ่งก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลว่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้ายาที่อัตรา 100% แต่ในปัจจุบันเริ่มเห็นการเปิดช่องเจรจา ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทยาสามารถหลีกเลี่ยงอัตราภาษีดังกล่าวได้
  • ตลาดหุ้นจึงตอบรับเชิงบวก ถึงแม้จะปรับตัวขึ้นมา ภาพรวมหุ้น Healthcare ก็ยังมีระดับ valuation ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ซึ่งไม่แพงเกินไป และยังมีการเติบโตของกำไรในอนาคต

ตราสารหนี้โลก

  • คงมุมมอง Positive ต่อตราสารหนี้โลก โดยระดับ Bond Yield ที่ยังสูง ช่วยทำให้ Carry Yield จากการถือตราสารหนี้โลกยังน่าสนใจ
  • ขณะที่ Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในอนาคตแม้อาจไม่ได้รีบลด แต่ยังเป็น Upside ต่อตราสารหนี้ Corporate spread ทั้ง Investment Grade Bond และ High Yield Bond อยู่ในระดับที่ตึงตัวมาก
  • แนะนำเลือกลงทุนกลยุทธ์ Selective ในตราสารหนี้คุณภาพอย่างกองทุน K-GDBOND-A(A)

ตราสารหนี้ไทย

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อตราสารหนี้ไทย
  • ตลาดคาดการณ์ว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 1 ครั้งในปีนี้ สะท้อนผ่าน Bond yield 2 ปีและ Implied forward rate ที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย นักลงทุนเข้าสู่ภาวะ Flight to Quality โดย Credit rating ระดับ AAA/AA สเปรดยังแคบ ในหุ้นกู้กลุ่ม BBB สเปรดของ BBB– เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ BBB และ BBB+ ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย การผิดนัดและการเลื่อนชำระหนี้กระจุกตัวอยู่ใน Non-IG bond โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2569
  • ธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีสภาพคล่องสูง แต่ตัวเลขเริ่มทรงตัวจากไตรมาสก่อน สะท้อนสภาพคล่องที่เหลืออาจถูกนำไปลงทุนในพันธบัตรแล้ว จึงหนุน demand ฝั่งพันธบัตรรัฐบาลและช่วยกด yield ลง แม้หุ้นกู้ไทยยังมีความเสี่ยงเฉพาะตัว จึงควรใช้กลยุทธ์ Selective Buy ในกองทุน/หุ้นกู้เอกชนโดยให้น้ำหนักกับบริษัทที่มี Credit Rating แข็งแกร่งเพื่อรักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
  • แนะนำกองทุนที่มี Duration ~1-3 ปี และเลือกหุ้นกู้คุณภาพดีอย่างกองทุน KFAFIX-A

ทองคำ

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อทองคำ แนะนำทยอยสะสมกองทุน KT-GOLDUH-A และกองทุน K-GOLD-A(A)
  • ทองคำยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางกลุ่มประเทศ BRICS และยังได้ปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ Money Supply (M2) ของสหรัฐฯ ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบมีอัตราเร่ง หนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ

โครงสร้างพื้นฐานโลก

  • คงมุมมอง Slightly Positive ต่อหุ้นโครงสร้างพื้นฐานโลก
  • ธีมโครงสร้างพื้นฐานโลกได้รับแรงหนุนจากภาวะดอกเบี้ยที่ทรงตัวถึงขาลง ซึ่งเอื้อต่อสินทรัพย์ที่มีรายได้มั่นคงอย่างกลุ่ม Utilities และ Preferred Infrastructure ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นโลกโดยรวม
  • โดยกองทุนหลักของ KKP GINFRAEQ-H คือ Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ที่มีสัดส่วนการลงทุนเด่นในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นค่าน้ำและค่าไฟต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน EPS ของกลุ่มยังถูกปรับขึ้น
  • คาดการณ์กำไร 1 ปีข้างหน้าจะเติบโตราวๆ 9.8% ขณะที่ Dividend Yield สูงกว่าหุ้นโลก และ valuation อยู่ในระดับต่ำใกล้ –2 S.D. เมื่อเทียบกับหุ้นโลก

ดาวน์โหลดฟรี! 

“สไลด์มุมมองการลงทุนตุลาคม 2025”

ดู Fund Fact Sheet กองทุนแนะนำ

 

จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน


คำเตือนผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

Tax Cal