ลงทุนให้รอดทุกฤดูเศรษฐกิจ ด้วยสูตรคิดฉบับ Ray Dalio

เพราะโลกการลงทุนไม่ต่างจากอากาศ

บางวันแดดเปรี้ยง บางวันฝนซัด บางวันพายุเข้าแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย 

ถ้าคุณพกแต่แว่นกันแดด โดยไม่เตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนเลย พอร์ตของคุณอาจเปียกโชกก่อนถึงเป้าหมาย

และในโลกที่สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนเร็วกว่าพยากรณ์จากกรมอุตุฯ

นักลงทุนระดับโลกอย่าง Ray Dalio กลับไม่พยายามทายอากาศ แต่เลือก “เตรียมพร้อมทุกฤดู” ด้วยพอร์ตที่มีชื่อว่า “All Weather Portfolio”

พอร์ต All Weather Strategy โดย Andrew Stotz อดีตนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทยร่วมกับ Finnomena Funds ใช้ FVMR Framework ในการวิเคราะห์การลงทุน มุ่งหวังเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ดูรายละเอียดและลองสร้างแผนได้ที่ https://finno.me/plan-guruport-aws-ws

ย้อนกลับไปปี 1971 วันที่ประธานาธิบดีนิกสันประกาศลอยค่าเงินดอลลาร์ เหตุการณ์พลิกโลกที่ทำให้นักศึกษาจบใหม่อย่าง “Ray Dalio” ถึงกับงง เพราะเขาคาดว่าตลาดหุ้นจะดิ่งเหว แต่มันกลับพุ่งกระฉูด นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตระหนักเกี่ยวกับ “วัฏจักรเศรษฐกิจ” (Economic Cycles) ที่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์

เขาเริ่มแกะรอยความเชื่อมโยงเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ ราวกับนักสืบไขคดีปริศนา จนพบว่าวิกฤตการณ์ที่ดูเหมือนเกิดขึ้นใหม่นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียง “อีกครั้งหนึ่ง” ของปรากฏการณ์เดิม ๆ ที่วนเวียนในประวัติศาสตร์ภายใต้หน้ากากใหม่

จากความเข้าใจลึกซึ้งนี้เองทำให้ Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates จุดประกายแนวคิดการลงทุนจากคำถามที่ว่า “จะมีพอร์ตการลงทุนแบบไหนที่เอาอยู่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเงินเฟ้อ เงินฝืด เศรษฐกิจบูม หรือเศรษฐกิจซบเซา?”

คำถามนี้เองที่เป็นเชื้อเพลิงให้เกิด “All Weather” กลยุทธ์การลงทุนระดับตำนานที่มองข้ามการคาดการณ์อนาคต แต่เน้นการสร้างสมดุลราวกับหยินและหยางของโลกการเงิน

สูตร(ไม่)ลับฉบับ Ray Dalio – All Weather “พอร์ตที่ทนทุกฤดู”

Ray Dalio สร้างพอร์ตที่ชื่อว่า “All Weather Portfolio” หรือถ้าแปลเป็นไทยให้เข้าใจง่ายคือ “พอร์ตการลงทุนที่ทนทุกฤดู”

ไม่ได้พยายามทายอนาคตว่าตลาดจะขึ้นหรือลง แต่สร้างพอร์ตที่ “ไม่ต้องเดา” หลักคิดของพอร์ตนี้คือ “โลกนี้มี 4 ฤดูเศรษฐกิจ”

ลงทุนให้รอดทุกฤดูเศรษฐกิจ ด้วยสูตรคิดฉบับ Ray Dalio

1. Rising Growth (เศรษฐกิจเติบโต)

ฤดูที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจเติบโต มีการลงทุนเพิ่มขึ้น การจ้างงานสูงขึ้น ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและใช้จ่ายมากขึ้น กำไรของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

สินทรัพย์ที่ได้เปรียบในฤดูนี้: หุ้น (Stocks), สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)

2. Falling Growth (เศรษฐกิจชะลอตัว) 

ฤดูนี้คือช่วงที่โมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแรงลง อัตราการเติบโตช้าลง หรืออาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธุรกิจอาจเริ่มชะลอการลงทุนและจ้างงาน ผู้บริโภคเริ่มระมัดระวังในการใช้จ่าย

สินทรัพย์ที่ได้เปรียบในฤดูนี้: สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities), ทองคำ (Gold), พันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ (Inflation-linked Bonds)

3. Rising Inflation (เงินเฟ้อสูงขึ้น)

ฤดูที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นและอำนาจซื้อของเงินลดลง

สินทรัพย์ที่ได้เปรียบในฤดูนี้: พันธบัตรรัฐบาล (Nominal Bonds), พันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ (Inflation-linked Bonds), ทองคำ (Gold)

4. Falling Inflation (เงินเฟ้อลดลง)

ฤดูที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง ราคาสินค้าและบริการยังคงเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่ลดลง หรืออาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) ที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปลดลง

สินทรัพย์ที่ได้เปรียบในฤดูนี้: หุ้น (Stocks), พันธบัตรรัฐบาล (Nominal Bonds)

ลงทุนให้รอดทุกฤดูเศรษฐกิจ ด้วยสูตรคิดฉบับ Ray Dalio

ที่มา: Bridgewater Associates

บางสินทรัพย์คือเกราะ บางสินทรัพย์คือดาบ แต่รวมกันคือชุดรบที่พาคุณรอดออกจากสนามได้

พอร์ตนี้ไม่พยายามชนะให้สูงสุดในช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่สร้างโอกาสรอด ด้วยการกระจายความเสี่ยงและปรับสมดุลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาวในทุกภาวะตลาด โดยไม่จำเป็นต้องคาดการณ์อนาคต

แกะรอยสูตร(ไม่)ลับ ฉบับ Ray Dalio – กระจายความเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกฤดู

แนวคิด All Weather Portfolio มีหลักการสำคัญอยู่ที่การ “กระจายความเสี่ยง” ไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่มีความสัมพันธ์กันต่ำ (Low Correlation) เพื่อให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดย Ray Dalio ได้เสนอสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ ดังนี้

  • พันธบัตรระยะยาว (Long-Term Bonds): 40% – ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากมักจะปรับตัวขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง
  • หุ้น (Stocks): 30% – เป็นสินทรัพย์ที่ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจเติบโต แต่ก็มีความผันผวนสูงกว่าพันธบัตร
  • พันธบัตรระยะกลาง (Intermediate-Term Bonds): 15% – ทำหน้าที่เป็นกันชนความผันผวน และให้ผลตอบแทนที่มั่นคงกว่าหุ้น
  • สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities): 7.5% – เช่น น้ำมัน หรือสินค้าเกษตร มักจะปรับตัวขึ้นในช่วงที่เงินเฟ้อสูง
  • ทองคำ (Gold): 7.5% – เป็นสินทรัพย์หลบภัยที่มักจะปรับตัวขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน หรือเกิดวิกฤตการณ์

ที่มา: https://portfolioslab.com/portfolio/ray-dalio-all-weather (ณ วันที่ 6 มิ.ย. 2568)

สำหรับใครที่อยากจัดพอร์ตตามหลัก All Weather ของ Ray Dalio แต่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สินทรัพย์ พอร์ต All Weather Strategy (AWS) คือคำตอบ! 

พอร์ต All Weather Strategy (AWS) คือพอร์ตกองทุนที่พร้อมลุยทุกสภาวะตลาด ใช้โมเดล FVMR Framework เป็นกลยุทธ์ในการลงทุน มีการกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างมั่นคง พร้อมการบริหารความเสี่ยงที่ช่วยให้วางใจได้ เพราะมีอดีตนักวิเคราะห์อย่างคุณ Andrew Stotz มาช่วยดูแลพอร์ตให้คุณ

นโยบายการลงทุนของพอร์ต All Weather Strategy

พอร์ต All Weather Strategy (AWS) เป็นพอร์ตการลงทุนที่ทางทีมงานของ Dr. Andrew Stotz จับมือร่วมกับ Finnomena Funds สรรค์สร้างขึ้นมา โดยพอร์ต AWS นี้ มุ่งหวังที่จะเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ เพื่อช่วยปกป้องพอร์ตให้พร้อมลุยทุกสภาวะตลาด (All Weather) โดยลงทุนในกองทุน Passive เสริมด้วยการคัดเลือกกองทุนที่มีโอกาสชนะกองทุน Passive เพิ่มเติม และมีการปรับพอร์ต (Rebalance) ปีละ 4 ครั้ง

จุดเด่นพอร์ต All Weather Strategy

  • ใช้ FVMR Framework เป็นกลยุทธ์ในการลงทุน ซึ่งประกอบไปด้วย Fundamental (พื้นฐานของสินทรัพย์), Valuation (มูลค่าของสินทรัพย์), Momentum (โมเมนตัมของสินทรัพย์) และ Risk (ความเสี่ยง)
  • กระจายการลงทุนไปทั่วโลก ไม่จำกัดเพียงแค่ในประเทศไทย
  • มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ เพื่อช่วยลดความผันผวน พร้อมเฟ้นหาโอกาสลงทุนใหม่ ๆ ตามสภาวะตลาดอยู่เสมอเพื่อให้ผลตอบแทนเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
  • สร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้น พร้อมลดความผันผวนของพอร์ตในช่วงที่ตลาดหุ้นพักฐาน
  • ใช้หลักการวิเคราะห์ทั้งเชิงประมาณ (Quantitative) ที่ใช้สูตรและโมเดลทางคณิตศาสตร์ และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ที่ใช้ประสบการณ์และความรู้ของทีมงาน เพื่อให้ได้พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมที่สุด
  • ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท และไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการจัดพอร์ตลงทุน

All Weather Strategy เหมาะกับใคร?

  • คนที่ต้องการให้เงินเติบโตไม่เน้นปันผล
  • คนที่ต้องการการลงทุนที่ยืดหยุ่น ปรับพอร์ตตามสถานการณ์เสมอ
  • คนที่มีเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 500,000 บาท
  • คนที่พร้อมลงทุนระยะกลาง 3 ปีขึ้นไป

 

สามารถติดตามมุมมองการลงทุนรายละเอียดการปรับพอร์ตอย่างใกล้ชิดได้ที่
https://www.finnomena.com/tag/guruport-aws/


สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้

ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena
ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ Finnomena

**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย A. Stotz Investment Research ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://finno.me/plan-guruport-aws-ws หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลย


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน  | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

ThaiESGX