กองทุน Thai ESG คืออะไร? ลดหย่อนภาษีแบบใหม่ เทียบกับ SSF RMF ต่างกันอย่างไร

“ภาษี” อาจไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากเผชิญ แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และทุก ๆ ปีเมื่อใกล้ถึงช่วงสิ้นปี คำถามยอดฮิตที่หลายคนมักค้นหาคือ “จะประหยัดภาษีได้อย่างไร?” หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและสร้างประโยชน์สองต่อคือ การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อสิทธิลดหย่อนภาษี

ในปี 2568 นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่เพียงแค่ RMF และ Thai ESG เท่านั้น แต่ยังมี Thai ESGX ซึ่งรัฐบาลออกแบบมาเป็นสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับปีนี้โดยเฉพาะ

คำถามสำคัญคือ กองทุนเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร? และนักลงทุนควรเลือกแบบใดให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตนเอง? Finnomena Funds สรุปมาให้แบบเข้าใจง่าย ๆ แต่ครบทุกมุมแล้ว

“Tax Cal” เครื่องมือวางแผนภาษีที่ช่วยให้คุณรู้ภาษีที่ต้องจ่าย เห็นวงเงินลดหย่อนที่เหลือ และวางแผนลงทุนลดหย่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในไม่กี่นาที

ลองใช้ฟรี! 👉 www.finnomena.com/tax/คำนวณภาษี

1. RMF – กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ

RMF หรือ Retirement Mutual Fund คือ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียณ มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ในและต่างประเทศ ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง

เงื่อนไขหลัก

  • ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 500,000 บาท/ปี
  • ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี อย่างน้อยปีเว้นปี
  • ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง และถือครองหน่วยลงทุนจนอายุครบ 55 ปี
  • วงเงินลงทุนเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เหมาะกับใคร: คนที่มีเป้าหมายระยะยาวเพื่อการเกษียณและต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไปพร้อมกัน

2. Thai ESG – กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน

Thai ESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF ที่ออกมาก่อนหน้านี้

กองทุน Thai ESG ลงทุนในอะไรบ้าง?

นโยบายการลงทุนของ Thai ESG กำหนดให้สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วยมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) ​และบรรษัทภิบาล (Governance) อาทิ หุ้นไทยยั่งยืน SET ESG Ratings หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน ESG Bond 

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้มีการจัดทำดัชนีหุ้นยั่งยืนที่เรียกว่า SET ESG Ratings สำหรับประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทย ล่าสุดในปี 2024 มีบริษัทที่ผ่านการคัดเลือก 220 บริษัท แบ่งเป็น 

  • บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AAA มีจำนวนทั้งสิ้น 56 บริษัท
  • บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ AA มีจำนวนทั้งสิ้น 76 บริษัท
  • บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ A มีจำนวนทั้งสิ้น 68 บริษัท
  • บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับ BBB มีจำนวนทั้งสิ้น 20 บริษัท

ดูรายชื่อหุ้นยั่งยืน คลิก

ขณะที่ ESG Bond มีรูปแบบคล้ายกับตราสารหนี้ปกติทั่วไป ต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการระดมทุนที่ต้องการนำเงินไปใช้เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) สังคม (Social Bond) และความยั่งยืน (Sustainability Bond)

กองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?

กองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 300,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ

วงเงินลงทุนของ Thai ESG จะไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท

เท่ากับว่าเราจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจาก Thai ESG ไปเลย 300,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ก็จะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 800,000 บาท

ระยะเวลาการลงทุน Thai ESG ต้องถือลงทุนเป็นเวลา 5 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน) ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

เช่น ถ้าซื้อ ThaiESG ในวันที่ 25 ธันวาคม 2025 วันที่ครบกำหนด 5 ปี คือวันที่ 25 ธันวาคม 2030  แปลว่าเราจะขายกองทุนโดยไม่ผิดเงื่อนไขได้ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 26 ธันวาคม 2030

– คลิกอ่านบทความ 👉 ซื้อกองทุน ThaiESG เท่าไหร่ดี? ให้ประหยัดภาษีคุ้มสุด

กองทุน Thai ESG เหมาะกับใคร เป้าหมายการลงทุนแบบไหนต้องซื้อ

  • มีเป้าหมายการลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว 
  • มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน และธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ในประเทศไทย
  • ต้องการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน แต่ไม่อยากซื้อ RMF เพราะใช้เวลานานกว่าจะขายได้ สำหรับคนที่อายุน้อยกว่า 45 ปี
  • ต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ซึ่งที่มีอยู่เดิมยังไม่หนำใจ เนื่องจากเป็นคนที่ฐานภาษีสูง เช่น 20% ขึ้นไป หรือลดหย่อนภาษีจากการซื้อ RMF จนเต็มสิทธิ์แล้ว

– คลิกอ่านบทความ 👉 กองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG เหมาะกับใคร คนแบบไหนที่ควรซื้อ

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Thai ESG Hub ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Thai ESG ซื้อจบได้ที่นี่ คลิกเลย 👉https://finno.me/thaiesg-hub-ws

3. Thai ESGX – กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ

Thai ESGX หรือ Thailand ESG Fund Extra คือ กองทุนรวมที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งออกมาพิเศษเฉพาะปี 2568 นี้เท่านั้น เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนจาก LTF และเงินลงทุนใหม่ ภายในช่วงระยะเวลา 2 เดือน (พ.ค. – มิ.ย. 2568) พร้อมสนับสนุนมาตรการทางภาษีของภาครัฐให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่ายิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริม responsible investment และสนับสนุนความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและตลาดทุนไทยในระยะยาว

มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยลงทุนในหุ้นยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV ส่วนเงินลงทุนอื่น ๆ เช่น เงินสด หรือหลักทรัพย์ต่างประเทศ Thai ESGX สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 20% ของ NAV

เงื่อนไขหลัก

  • วงเงิน 1 เงินลงทุนใหม่ – ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 300,000 บาท
  • วงเงิน 2 สับเปลี่ยนจาก LTF – ลงทุนได้สูงสุด 500,000 บาท ทยอยลดหย่อน 5 ปี ปีแรกไม่เกิน 300,000 บาท โดยปีที่ 2-5 (69-72) ลดหย่อนจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี สูงสุดปีละ 50,000 บาท
  • ถือครองอย่างน้อย 5 ปี นับแบบวันชนวัน ตั้งแต่เริ่มลงทุน หรือแจ้งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน
  • วงเงินไม่นับรวมกับ RMF และ Thai ESG

– คลิกอ่านบทความ 👉 สรุปกองทุน Thai ESGX เงื่อนไขพิเศษ โยก LTF เดิม ลดหย่อนภาษี 5 แสนบาท

เหมาะกับใคร: คนที่ฐานะภาษีสูง ต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม สนใจลงทุนและเชื่อมั่นในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ไทย

– คลิกอ่านบทความ 👉 Checklist ก่อนลงทุน Thai ESGX เหมาะกับคุณหรือไม่?

กองทุน Thai ESG คืออะไร? ลดหย่อนภาษีแบบใหม่ เทียบกับ SSF RMF ต่างกันอย่างไร

กองทุน RMF, Thai ESG, Thai ESGX เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

ความเหมือนของ RMF, Thai ESG, Thai ESGX ถือเป็นกองทุนรวมลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน แต่มีจุดที่แตกต่างกันหลัก ๆ ดังนี้

1.) ระยะเวลาการลงทุน

RMF: ต้องถือจนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปีหรือปีเว้นปี

Thai ESG: ถือลงทุน 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี

Thai ESGX: ถือครองอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อ หรือแจ้งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน

2.) สินทรัพย์ที่ลงทุนได้

RMF: ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

Thai ESG: หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG

Thai ESGX: หลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน

3.) สิทธิประโยชน์ทางภาษี

RMF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ

Thai ESG: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 300,000 บาท 

Thai ESGX: วงเงิน 1 ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 300,000 บาท วงเงิน 2 สูงสุด 500,000 บาท แบ่งเป็นปีแรก สูงสุด 300,000 บาท และปีที่ 2-5 สูงสุดปีละ 50,000 บาท

ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2568 ต้องซื้ออย่างมีกลยุทธ์!
ซื้อที่ Finnomena Funds ซื้อได้ครบทั้ง 21 บลจ. ไม่ว่าจะเป็นกองทุน RMF และ Thai ESG

พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่ กดรับสิทธิ์คูปองก่อนเปิดบัญชี
รับฟรี หน่วยลงทุนกองทุนรวมตลาดเงิน K-CASH มูลค่า 100 บาท

📌 ดูกองทุนแนะนำ คลิก https://finno.me/Taxtactic25-ws


คำเตือน

  • ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF, Thai ESG และ Thai ESGX กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน
  • การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน
  • กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
  • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
  • สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

 

Tax Cal