ตอนนี้เรากำลังอยู่ในจังหวะทองของตราสารหนี้โลก จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 20 ปี ทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้น่าสนใจ แถมยังมีโอกาสได้รับ Capital Gain จากการที่ราคากองทุนตราสารหนี้ขยับตัวสูงขึ้น หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากจุดพีกในอนาคต

นอกจากนี้ อีก 2 ปัจจัยหนุนที่ทำให้ตราสารหนี้โดยเฉพาะในสกุลเงินสหรัฐฯ น่าสนใจ คือ

  1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังร้อนแรง ทำให้เฟดยังคงดอกเบี้ยในระดับสูง เพื่อกดเงินเฟ้อลงสู่เป้า 2% ต่อไป เห็นได้จากการจ้างงานและเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดทั้งคู่ในเดือนมกราคม 
  2. สกุลเงินดอลลาร์ที่กำลังแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น 

 

และหนึ่งในกองทุนที่ตอบโจทย์ภาวะการลงทุนดังกล่าวคือ กองทุน ABGFIX-A

รู้จักกองทุน ABGFIX-A

กองทุน ABGFIX-A หรือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงระดับ 4 ลงทุนในกองทุนหลักคือ abrdn SICAV I – Short Dated Enhanced Income Fund, Class Z Acc USD (กองทุนหลัก) 

กองทุนหลักมีนโยบายคือ

  • ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินสหรัฐฯ เป็นหลัก
  • ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินอื่นบางส่วน แต่จะทำการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ

 

กองทุนแบ่งการลงทุนออกเป็น ตราสารหนี้ที่ลงทุนจะอยู่ในระดับ investment grade อย่างน้อย 50% และจะลงทุนใน sub-investment grade ไม่เกิน 20% มี Duration อยู่ที่ 1.3 ปี และ Yield to Maturity ที่ 6.93% (USD) ค่าเฉลี่ย Credit Rating ของกลุ่มอยู่ที่ A- อ้างอิงข้อมูลจากอเบอร์ดีน

อันดับความน่าเชื่อถือ อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ และอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบอายุเฉลี่ยของกองทุน ABGFIX-A | Source: abrdn.com as of 29/09/2023

สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลักของกองทุน ABGFIX-A | Source: หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ABGFIX-A as of 31/01/2024

นโยบายการลงทุนของ ABGFIX-A

  • High quality พอร์ตลงทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ต่ำกว่า A-
  • Enhanced yield กองทุนหลักตั้งเป้าอัตราผลตอบแทน +1.75-2.25% จาก SOFR (อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระยะข้ามคืนโดยมีพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักประกัน) ซึ่ง ณ 29 กันยายน 2566 SOFR อยู่ที่ 5.31% (ที่มา: Bloomberg) กับตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกพร้อมส่วนเพิ่มจากการลงทุนใน High Yield Bond ไม่เกิน 20% โดยอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (YTM) ของกองทุนหลัก ณ สิ้นเดือนกันยายน อยู่ที่ 6.93% จากข้อมูลของอเบอร์ดีน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับความเสี่ยง และตัวเลือกการลงทุนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม YTM ไม่ใช่ผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนของกองทุน (Total Return)
  • Low volatility ความผันผวนต่ำ ด้วยอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
  • Advanced liquidity สภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินขายคืนภายใน 2 วันทำการ

กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่เน้นสกุลเงินดอลลาร์ ทำไมถึงน่าสนใจ?

ตอนนี้เราอยู่ในภาวะ inverted yield curve หรือพูดง่าย ๆ คือ ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว เวลานี้จึงเป็นจุดที่ดีในการลงทุนตราสารหนี้พันธบัตรระยะสั้น 1-3 ปี

นอกจากนี้ แม้ว่าตลาดตราสารหนี้ในยุโรปและสหรัฐฯ จะเกิด inverted yield curve ทั้งสองตลาด แต่เรามองว่า ตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เพราะ Fed น่าจะคงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป อีกทั้งความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นตัวหนุนให้การลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าสนใจ

รายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม

  • เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้
  • เป็นกองทุนความเสี่ยงระดับ 4 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)
  • กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) และ/หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)
  • ค่าธรรมเนียมซื้อ 1%
  • ค่าธรรมเนียมขาย ยกเว้น
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท
  • ลงทุนขั้นต่ำครั้งถัดไป 1,000 บาท

ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/fund/

คว้าโอกาสในรอบทศวรรษของตราสารหนี้ด้วย ABGFIX-A

FINNOMENA FUNDS ได้มีมุมมองการลงทุนภายใต้คำแนะนำ Tactical Call ในกองทุน ABGFIX-A ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Yield ที่สูง เนื่องจากมีการลงทุนในตราสารหนี้บริษัท ปัจจุบันกองทุน ABGFIX-A ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน จึงทำให้กองทุนเคลื่อนไหวตาม USDTHB โดยคำแนะนำมีดังนี้

  1. แนะนำเข้าลงทุนที่ USDTHB ไม่เกินระดับ  35.95  (+0.9% จากระดับราคาวันที่ 12/12/2023) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เราแนะนำให้พิจารณาชะลอการเข้าซื้อ (หยุดซื้อ) ภายใต้คำแนะนำ Tactical Call เนื่องจากทำให้ Risk/Reward ratio เข้าใกล้ระดับ 1:1
  2. แนะนำ Take Profit หรือขายทำกำไร เมื่อ USDTHB ปรับตัวขึ้นถึง 37.2 (Upside 4.2% จากระดับราคาวันที่ 12/12/2023 และ 3.48% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมของรอบย่อที่ผ่านมา
  3. แนะนำ Limit Loss หรือตัดขาดทุนทันที เมื่อ USDTHB ปิดตลาดต่ำกว่า 34.7 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมในเดือนพ.ย. (Downside 2.7% จากราคาวันที่ 12/12/2023 และ -3.48% จากจุดหยุดเข้าซื้อ) โดยเราอาจพิจารณาแนะนำ Trailing Stop โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20 MA) โดยเราจะประเมินสถานการณ์และแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นักลงทุนที่เหมาะกับคำแนะนำนี้ ระยะสั้นนี้ควร…

  • เป็นนักลงทุนที่มีเงินสด หรือสภาพคล่องส่วนเกิน และรับความผันผวนได้สูง
  • ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของภาพรวมพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
  • นักลงทุนต้องยอมรับการ Limit Loss หรือ การตัดขาดทุนได้ทันที

อ้างอิง

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ FINNOMENA FUNDS ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในกรอบระยะเวลาตามวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกันตามคำแนะนำ บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

iran-israel-war