ตลาดการเงินอาจผ่าน “ข่าวร้าย” ที่สุดไปแล้ว

ภายใต้แรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าที่เข้มงวด โดยมีอัตราสูงถึง 125% และ 84% ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักที่พึ่งพาการส่งออกอย่างหนัก เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคบางส่วนจากจีนประมาณ 20% อาจโดนเก็บภาษี 125% ทำให้ราคาสินค้าอาจแพงขึ้น 10-20% ส่งผลให้กำลังซื้อและยอดขายลดลง 

ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์พบกับผลกระทบที่รุนแรงกว่าด้วย 80% ของสินค้ามีโอกาสถูกเก็บภาษีในอัตรา 125% ทำให้คาดว่าราคาสินค้าจะสูงขึ้นอีก 20-30% ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานอ่อนแอลงและต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น 

ในกลุ่มเครื่องแต่งกาย สินค้า 40% อาจถูกเก็บภาษี 125% ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และคาดว่าราคาขายปลีกจะปรับขึ้นอีก15-25%

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

แม้การเก็บภาษีนำเข้าจะดูเหมือนเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่เมื่อมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และจีนเลือกใช้มาตรการเหล่านี้ตอบโต้กัน กลับส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ และลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก

สหรัฐฯ ที่นำเข้าสินค้าจากจีนในกลุ่มอุปโภคบริโภคและอิเล็กทรอนิกส์ ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ GDP เติบโตชะลอตัวลง 1-2% ในระยะสั้น และหากจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราสูง (เช่น 84%) ผลกระทบอาจแผ่กระจายไปยังภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอื่น ๆ 

สำหรับจีน การส่งออกสินค้าสูงสุดไปสหรัฐฯ อาจลดลงเป็นเหตุให้ GDP ชะลอตัวลง 1-2% ในระยะสั้น แม้ว่าจีนจะพยายามหาตลาดใหม่ในภูมิภาคยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกก็อาจชะลอตัวลงประมาณ 0.5-1% หากมหาอำนาจทั้งสองเดินหน้านโยบายภาษีสูงใส่กัน

วิเคราะห์สถานการณ์ผ่าน “Chicken Game”

Chicken Game Theory

Chicken Game Theory | Source: tenaciousmuse

ในบริบทการเจรจาทางการค้า แนวคิด “Chicken Game” ถูกนำมาใช้วิเคราะห์สถานการณ์นี้ โดยหากทั้งสองฝ่ายเลือก “หลีกเลี่ยง” (Swerve-Swerve) ผลลัพธ์จะสมดุล เช่น ทั้งคู่หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีในอัตราสูงและเจรจาเพื่อลดความตึงเครียด

แต่ถ้าเกิด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือกเผชิญหน้า ขณะที่อีกฝ่ายหลีกเลี่ยง (Straight-Swerve) ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบแพ้-ชนะ เช่น หากสหรัฐฯ ไม่เก็บภาษี แต่จีนเก็บภาษี 84% จะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบในด้านการค้า ขณะที่จีนได้เปรียบจากการปกป้องตลาดในประเทศ

และในกรณีที่ ทั้งสองฝ่ายเลือกเผชิญหน้า (Straight-Straight) ตลาดอาจประสบกับ “Crash” หรือผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด เช่น สงครามการค้าทำลายเศรษฐกิจทั้งคู่ การค้าโลกจะชะลอตัว ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และตลาดการเงินทั่วโลกอาจเผชิญความผันผวนรุนแรง

แนวโน้มตลาดผ่านจุด “ข่าวร้าย” ที่สุดแล้ว?

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สำคัญล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มบวกในด้านการเจรจา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศลดภาษีนำเข้าเหลือเพียง 10% และเลื่อนการขึ้นภาษีไปอีก 90 วัน (ยกเว้นแคนาดา เม็กซิโก และจีน) ขณะที่แคนาดาและเม็กซิโกยังคงเก็บภาษีนำเข้าไว้ที่ 25% แต่จีนกลับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯขึ้นเป็น 125% หลังจากตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีจาก 34% เป็น 84%

ด้วยเหตุนี้ Finnomena Funds จึงมองว่า ตลาดการเงินอาจผ่านจุด “ข่าวร้าย” สูงสุด (Maximum Pressure) ไปแล้ว เนื่องจากนโยบายเลื่อนการขึ้นภาษี 90 วัน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในการเจรจามากกว่าใช้เพื่อเก็บภาษีจริง 

นักวิเคราะห์เริ่มเห็นท่าทีทั้งภายในและต่างประเทศที่อาจเป็นสัญญาณว่า แรงกดดันทางการค้าอาจลดลงในอนาคต หลังจากที่เผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่สูง นโยบายการเงินที่เข้มงวด หรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวและปรับตัวเข้าสู่ภาวะมั่นคงขึ้น


กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “ทยอยสะสม” DCM Portfolio

แนะนำให้ “ทยอยสะสม” การลงทุนในพอร์ต DCM (Dynamic Contrarian Model) ซึ่งเป็นพอร์ตลงทุนสไตล์ Contrarian (สายสวน) ‘ย่อซื้อ ขึ้นขาย’ เน้นลงทุนในหุ้นรายประเทศ หรือ Sector ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง แต่ราคาปรับตัวลดลง หรือขึ้นน้อย รวมถึงใช้หลักการเดียวกันในการเข้าลงทุนสินทรัพย์ Multi Assets

โดยปัจจุบัน (ณ วันที่ 18 เมษายน 2025) พอร์ต DCM (Dynamic Contrarian Model) มีสัดส่วนการลงทุนดังนี้

DCM Dynamic Contrarian Portfolio

  • หุ้นจีนขนาดใหญ่ 30% MEGA10CHINA-A
  • หุ้นเวียดนาม 15% PRINCIPAL VNEQ-A
  • หุ้นเทคโนโลยี 10% SCBNEXT(A)
  • หุ้น AI ปลายน้ำ 10% TCLOUD
  • หุ้น AI และ Big Data 20% TISCOAI
  • หุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็ก 15% ASP-USSMALL-A

 

สนใจลงทุนในพอร์ต Dynamic Contrarian Model Portfolio
คลิก https://finnomena.onelink.me/10bl/dcm

จัดทำโดยบลป.เดฟินิท (Definit) สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

ThaiESGX