clip_image002

หาก Warren Buffet คือเบอร์ 1 ของโลกในเรื่องของการลงทุนในหุ้นแล้ว ที่สุดของโลกในเรื่องของการลงทุนตราสารหนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Bill Gross หรือ Willam H. Gross ผู้ก่อตั้งกองทุน PIMCO (Pacific Investment Management Company LLC) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1971 ซึ่งเริ่มต้นด้วยเงินประมาณ 10 ล้านเหรียญ โดยในปัจจุบัน PIMCO มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากถึง 1.11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นบริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553) และเป็นที่รู้จักกันในฐานะกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในตราสารหนี้อันดับ 1 ของโลก

Bill Gross เกิดที่รัฐ Ohio สมัยหนุ่มเคยร่วมเป็นนาวิกโยธินกับกองทัพเรือสหรัฐ จากนั้นไปเรียนต่อ MBA ที่ University of California ภายหลังเรียนจบ Bill Gross เคยทำงานเป็นนักเล่น Blackjack อาชีพอยู่พักหนึ่งที่ Las Vegas ซึ่งภายหลังเขาได้เล่าให้ฟังว่าได้ใช้หลักการในการเล่น Blackjack บางส่วนไปประยุกต์กับการซื้อขายตราสารหนี้และกำหนดกลยุทธ์การลงทุน

แนวทางการลงทุนของ Bill Gross ที่ใช้ในการบริหารกองทุนตราสารหนี้เรียกว่า “Total Return Approach” ซึ่งเป็นการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เขาใช้กับการบริหารพอร์ตกองทุนของ PIMCO จนได้รับความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อ โดยแนวทางดังกล่าวสามารถสรุปได้ดังนี้

กำหนดมุมมองระยะยาว 3 – 5 ปีที่เรียกว่า “Secular Outlook” และปรับพอร์ตการลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากมุมมองนั้น

– กระจายการลงทุนให้ได้รับประโยชน์จากการ Diversification กล่าวคือ รักษาระดับผลตอบแทนที่สูง ขณะที่ลดความผันผวนของมูลค่าเงินลงทุน

– ใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีในการปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับมุมมองการลงทุนทั้ง Duration, Curve, Credit & Volatility

– หาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากความผิดปกติของราคาตลาด

การปรับกลยุทธ์การลงทุนของ Bill Gross ที่สร้างผลตอบแทนให้กับ “PIMCO Total Return Bond Fund” ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในรอบ 2 – 3 ปีที่ผ่านมา คือการปรับลดสัดส่วนการลงทุนใน Subprime ก่อนที่จะเกิด Hamburger Crisis และกลับมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารที่ออกโดย Fannie Mae, Freddie Mac ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะะตัดสินใจเข้ามาเป็นเจ้าของซึ่งทำให้ราคาตราสารหนี้ของ Fannie & Freddie ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา ทั้งนี้ในปี 2010 Bill Gross ได้มีมุมมองระยะยาวต่อเศรษฐกิจโลกว่าจะเข้าสู่ช่วง “NEW NORMAL” ซึ่งระดับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกเฉลี่ยใน 5 ปีข้างหน้าจะต่ำกว่าในอดีตที่ผ่านมา (ดูรายละเอียดในรูป)

clip_image004

ด้วยผลงานการบริหารกองทุนที่ยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอมายาวนานกว่า 30 ปีจึงทำให้ Bill Gross…

– เป็นผู้เดียวที่ได้รับเลือกจาก Morningstar ให้เป็น “ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้แห่งปี” ถึง 3 ครั้งในปี ค.ศ. 1998, 2000 และ 2007

– ได้รับการยกย่องให้เป็น “The Bond King” โดย Fortune Magazine ในปี ค.ศ. 2002

– คือ “ผู้ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดต่อทิศทางราคาตราสารหนี้” โดย The New York Times เมื่อปี ค.ศ. 2005 ต่อจากอดีตประธาน Federal Reserve, Dr. Alan Greenspan

– ล่าสุดได้รับรางวัล “ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้แห่งทศวรรษ” จาก Morningstar ในปี ค.ศ. 2010

ในปี 1999 Bill Gross ได้ขายหุ้นประมาณ 70% ของ PIMCO ให้กับกลุ่มบริษัท Allianz AG ของประเทศเยอรมัน คิดเป็นมูลค่า 3.3 พันล้านเหรียญโดยปัจจุบัน Bill Gross ยังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุน (CIO) มาจนถึงปัจจุบัน โดยมี Dr. Mohamed El-Erian เป็น CEO และ CO-CIO เตรียมตัวที่จะเป็นผู้สืบทอดต่อไป ด้วยวัย 65 ปีของ Bill Gross แม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยมหาศาลอย่าง Warren Buffet ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก เขาก็ยังได้รับการจัดอันดับ 488 สำหรับบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดของ Forbes ในปี 2010 ด้วยมูลค่าความมั่งคั่งประมาณ 2 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท สำหรับงานอดิเรก Bill Gross เป็นนักสะสมแสตมป์ตัวยง และเป็น 1 ใน 3 คนของโลกที่สะสมตราไปรษณียากรของสหรัฐฯ ในยุคศตวรรษที่ 19 ได้ครบทั้งหมด