หุ้นตลาดเกิดใหม่ทะยาน 25% ในปีนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร มันไปขึ้นที่ไหน และใครจะเป็นรายต่อไป… หุ้นตลาดเกิดใหม่กลายเป็นตลาดที่ร้อนแรงที่สุดนับแต่ต้นปี แซงหน้าสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ ไปมาก

สาเหตุที่ตลาดเกิดใหม่พุ่งแรง

หลัก ๆ สาเหตุมาจากการเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน และที่สำคัญคือการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ชนิดหักปากกาเซียน

เกิดอะไรขึ้นกับค่าเงินดอลลาร์

เมื่อ FED เปลี่ยนแนวทางชัดเจนจากที่คนกลัวว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว และทำการลดขนาดงบดุลที่ เมื่อ FED ปรับทีที่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ที่เคยแข็งค่าอย่างมากก่อนหน้านี้กลับมาเป็นเทรนด์อ่อนค่าอีกครั้ง
มันไปขึ้นที่ประเทศไหน (ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ประเทศเรา)

ปีนี้ตลาดเกิดใหม่ที่ทะยานแรงสุด ๆ คือเกาหลี และอินเดีย โดยเกาหลีนำโดยพี่ใหญ่ Samsung ที่เริ่มมีผลประกอบการฟื้นตัว และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นไปอย่างเรียบร้อย และอินเดียที่มีการดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างแข็งแรงต่อเนื่อง
ใครจะเป็นรายต่อไป

ปกติเวลาแนะนำการลงทุน ผมมักจะติดของถูก คือไม่ชอบไปไล่ซื้อในตลาดที่ขึ้นไปเยอะแล้ว ประมาณว่าถ้ามันจะขึ้นต่อไป ก็คิดซะว่าเป็นกำไรของคนอื่น ไม่ใช่แนวทางของเรา สำหรับแนวโน้มในครึงปีหลัง ผมมองเห็นโอกาสใน 2 ตลาด ดังนี้

จีน A Share

อย่างแรก ลองดูกราฟจีน A Share จะเห็นว่าดอยเก่ายังอยู่สูงมาก ซื้อตอนนี้ดูไม่แพงไปแน่นอน วกกลับไปดู Valuation P/E ที่สิบกลาง ๆ ถือว่ายังใช้ได้ ความเสี่ยงเรื่องภาคอุตสาหกรรมหนักจะพังดูคลี่คลายลง ล่าสุดประกาศตัวเลขเศรษฐกิจโต 6.9% สูงกว่าตลาดคาด และยังได้รับการนับเข้า MSCI อีกต่างหาก เมื่อดูทั้งพื้นฐาน Valuation ความเสี่ยง และ fundflow รวมกันจึงเป็นสาเหตุที่เราแนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นจีน A Share ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

พี่ไทย SET Index

เป็นอีกตลาดที่อาภัพไม่ค่อยไปไหน เงินต่างชาติก็ไม่ค่อยไหลเข้าซักที แต่พื้นฐานกำไรยังดูโอเค เช่นเดียวกับเศรษฐกิจที่โตได้ 3% กลาง ๆ ส่งออกนำเข้าเริ่มฟื้น และยังมีการกระตุ้นการลงทุนครั้งใหญ่ชักชวนพวก new S-curve อย่างอาลีบาบา อเมซอน ฯลฯ เข้ามาลงทุน ผมมองว่าปลายปีนี้เมื่อเสร็จงานใหญ่ ถ้าหากมีความชัดเจนเรื่องการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บอกให้ทำเสร็จภายในปีหน้า น่าจะเป็นอีกข่าวดีสำคัญที่จะกระตุ้นให้ตลาดไทยคึกคักอีกครั้ง แต่หน้าจะปลาย ๆ ปีนิดนึง

วิเคราะห์โดย FundTalk