รีวิว นิทรรศการพิเศษ "เก็บตังค์พลังบวก DCA" ที่ INVESTORY ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไป INVESTORY เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกมาตอนเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยพามาชม ผ่านไป 2 ปี เราก็ไปเองเป็นครั้งที่สอง และล่าสุดก็ไปมาอีกครั้งแล้ว

เพราะทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เปิดนิทรรศการพิเศษ “เก็บตังค์พลังบวก DCA” เพื่อส่งเสริมวินัยการออมสม่ำเสมอให้แก่คนไทย ผ่านการลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar Cost Average โดยที่โซนต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ INVESTORY ยังสามารถเข้าชมได้เช่นเดิม เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังว่าด้านในมีอะไรบ้าง

มารู้จัก INVESTORY กันก่อน

INVESTORY คือ พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน อยู่ที่ชั้นใต้ดินของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้านในจะแบ่งเป็นหลายโซน ขอบอกเลยว่าทางตลาดหลักทรัพย์ทำออกมาได้เข้าใจง่ายมากๆ ทำให้เรื่องการลงทุนไม่เป็นเรื่องเข้าใจยากเลยค่ะ

DCA คืออะไร?

DCA ย่อมาจาก Dollar Cost Average หรือการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน ในทุกๆ งวด ไปลงทุนในกองทุนรวม หรือ หุ้นรายตัว หลักการคล้ายๆกับการฝากประจำเลยค่ะ ต่างกันแค่สินทรัพย์ที่นำไปลงทุนต่อและสภาพคล่องในการซื้อขาย

ลงทุนแบบ DCA vs การฝากประจำ

ส่วนใหญ่เวลาเราไปฝากประจำ ทางธนาคารจะนำเงินไปลงทุนต่อในสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีความปลอดภัย เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น (ประเภทของตราสารหนี้นั่นเอง) แต่มีสภาพคล่องค่อนข้างต่ำ เราต้องฝากเงินตามจำนวนเวลาที่ได้ระบุไว้ ถึงจะได้ดอกเบี้ยตามที่ประกาศ ข้อดี คือ ถ้าเราฝากครบตามอายุ เราจะได้ดอกเบี้ยที่แน่นอน

ซึ่งต่างจากกองทุนรวม ที่แต่ละกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนที่ต่างกัน ตั้งแต่ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ จ่ายปันผล ไม่จ่ายปันผล ข้อดี คือ สภาพคล่องจะสูงขึ้นมา เพราะหากต้องการขายเพื่อนำเงินออกมาใช้ก่อน ก็สามารถทำได้ บางกองทุนรอเงินเพียง 1 วันทำการเท่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยง คือ การลงทุนในกองทุนรวม หรือ หุ้นรายตัว จะไม่มีการรับประกันผลตอบแทน แต่สามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ หากเราลงทุนในระยะยาว และเลือกลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการและระดับความต้องการของตนเอง

ดังนั้นการทำ DCA จะเหมาะมากๆ สำหรับนักลงทุนที่มีรายได้ประจำสม่ำเสมอ เพราะการตัดเงินลงทุนเท่าๆ กันทุกเดือน ทำให้วางแผนการเงินได้เป็นระบบมากขึ้น

มาพูดถึงนิทรรศการเลยดีกว่า

เฉพาะส่วนของนิทรรศการเปิดใหม่ แบ่งข้างในเป็น 5 โซนหลักๆ ค่ะ

1. เก็บตังค์ให้โต

โซนนี้แสดงให้เห็นถึงการเก็บเงินระหว่าง 3 รูปแบบ คือ การเก็บใส่กระปุก เก็บในธนาคาร และออมในหุ้น ว่าผลตอบแทนและความโตของเงิน ต่างกันอย่างไร

2. การลงทุนมีความเสี่ยง vs การลงทุนมีความสุข

เราชอบโซนนี้มาก จริงๆ ทุกโซนใน INVESTORY จะดัดแปลงเรื่องการเงินที่เข้าใจยาก ให้เป็นเรื่องเข้าใจง่ายได้ แต่ที่ชอบโซนนี้ที่สุด เพราะเรารู้สึกว่าทางตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถเปรียบเทียบความเสี่ยงและความระมัดระวังในการลงทุนได้ดีมากๆ โดยทำออกมาเป็นเกมขดลวดไฟฟ้า ให้เราเอาไม้ลาก โดยที่ห้ามโดนขดลวด จะเห็นว่าหากเป็นการซื้อหุ้นเอง ขดลวดจะขึ้นลงไปมา และมีช่องที่แคบมาก เทียบกับการซื้อหุ้นแบบ DCA ขดลวดจะมีความเหวี่ยงน้อยลง และมีช่องที่กว้างมากกว่า

3. เก็บตังค์พลัง DCA

เปรียบเทียบการเลือกซื้อหุ้นด้วยเงินก้อนครั้งเดียว กับการค่อยๆ ทยอยลงทุนแบบ DCA

4. เพิ่มพลังตังค์เก็บ

อาจจะเคยเห็นตารางแบบนี้กันมาบ้างแล้ว แต่จำนวนเงินที่เราออมได้ อาจจะไม่ตรงกับในตาราง ในนิทรรศการจึงมีคอมพิวเตอร์ให้ลองใส่จำนวนเงินต้น ระยะเวลาลงทุน และอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง เพื่อคำนวณผลลัพธ์ออกมาให้ตรงกับเรา

5. รู้งี้ DCA นานละ

โซนนี้จะให้เราย้อนดูอดีต ว่าถ้าเราได้ DCA มาก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเงินของเราจะเป็นเท่าไหร่ แต่เห็นแล้วไม่ต้องเสียดายไปค่ะ เริ่มต้นตอนนี้ก็ยังไม่สาย


ที่เราเล่ามาทั้งหมด เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ INVESTORY เท่านั้นค่ะ ตอนนี้ทางตลาดหลักทรัพย์เปิดให้เข้าชมนิทรรศการพิเศษ “เก็บตังค์พลังบวก DCA” ฟรีด้วย ส่วนโซนอื่นๆ ใน INVESTORY นักเรียน/นักศึกษาเข้าฟรี เพียงแสดงบัตร บุคคลทั่วไปจะมีค่าเข้าชม 100 บาทค่ะ แล้วจะได้บัตรมา 1 ใบเพื่อลงทะเบียนตามโซนด้านในพิพิธภัณฑ์

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 9.30-19.00น.
สถานที่ : ชั้นใต้ดิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (MRT ศูนย์วัฒนธรรม)