7 ความเชื่อที่นักลงทุนระดับโลกอย่าง จอร์จ โซรอส และวอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่เชื่อ

ในตลาดการลงทุนมีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จ และผู้ที่ล้มเหลวในการลงทุน ซึ่งแน่นอนว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นก็มีนักลงทุนที่เราเรียกเค้าว่าระดับตำนาน ซึ่งแต่ละคนนั้นมีความเชื่อที่คล้ายคลึงกันยังไง อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จ

วันนี้ผมขอยกตัวอย่างนักลงทุนระดับตำนาน 2 คนก็คือ จอร์จ โซรอสที่หลาย ๆ คนรู้จักเค้าคือผู้ที่โจมตีค่าเงินบาทในปี 2540 และอีกคนก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้มีทรัพย์สินมากกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

7 ความเชื่อที่นักลงทุนระดับโลกอย่าง จอร์จ โซรอส และวอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่เชื่อ

การพยากรณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดสามารถได้อย่างถูกต้อง จากประสบการณ์นักลงทุนอย่าง โซรอสหรือบัฟเฟตต์เองไม่เชื่อว่าสามารถคาดการณ์ได้ แต่เน้นไปในทิศทางของการลงทุนในพื้นฐานมากกว่า พวกเขาไม่เชื่อว่าตัวเองคาดการณ์ได้เก่งกว่าผู้อื่น

การเชื่อกูรู เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ถ้ากูรูเก่งจริงทำไมถึงต้องออกมาบอกคนส่วนมากให้ได้กำไร เนื่องจากตลาดเป็น Zero Sum Game คือมีผู้ได้ก็ต้องมีผู้เสียจริงไหมครับ และจากประวัติศาสตร์เราจะเห็นกูรูดัง ๆ ในตลาดการเงินมามากมายตั้งแต่ยุค 70 – ปัจจุบันแต่มีกี่คนในตลาดที่ยังมีชื่อเสียงอยู่กัน กูรูต่าง ๆ กลับหายวับไปกับความผิดพลาดในตลาดการเงิน ยิ่งไปกว่านั้น คุณรู้หรือไม่ว่าการทำกำไรจากกูรูส่วนใหญ่นั้น อาจไม่ใช่มาจากเงินลงทุนด้วยเงินตัวเอง แต่มาจากค่าตัวที่แพงมาก ๆ ที่กองทุนต่าง ๆ จ้างมาเพื่อดึงดูดนักลงทุน หรือจะเป็นการเก็บค่าธรรมเนียมสมาชิกรายปี คำถามคือ คนที่สามารถเสกดินเป็นทองได้จะมาบอกคุณด้วยค่าธรรมเนียม $100 ต่อปีหรอครับ

ข้อมูลวงใน ทำเงินได้มหาศาลจริงหรือ ถ้าทำได้จริงคนก็รวยจากการลงทุนกันหมดแล้วจริงไหมครับ บัฟเฟตต์เคยกล่าวว่า ถ้าคุณเชื่อข้อมูลวงในจริง คุณอาจหมดตัวได้ภายในปีเดียว และผลประกอบการของบัฟเฟตต์เองนั้นอาจบอกได้ว่า เขามีผลตอบแทนที่สูงกว่าตอนที่รู้จักข้อมูลวงในเสียอีก ทำให้สามารถบอกได้ว่า ข้อมูลวงในจริงๆแล้วไม่ได้มีผลต่อการลงทุนของเขาเลย

การกระจายการลงทุน ไม่ได้ทำให้คุณสำเร็จจากการลงทุน เนื่องจากถ้าคุณได้กำไร คุณจะได้แค่กระจิบกระจ้อย เวลาเสียก็เช่นกัน เท่ากับว่าคุณจะไม่ได้อะไรจากการลงทุนเลย โซรอสและบัฟเฟตต์เชื่อว่าเวลามั่นใจต้องอัดให้เต็มกำลัง เวลาถอยต้องถอยให้มีชั้นเชิง ซึ่งคุณอาจจะไม่เคยได้ยินคำนี้จาก Wall Street อย่างแน่นอน เสี่ยงมาก เพื่อทำกำไรมาก

เป็นความคิดที่ผิดเนื่องจากนักลงทุนระดับโลกมักเห็นความเสี่ยงเป็นเหมือนภัยพิบัติ ยิ่งเสี่ยงมากหมายถึงขาดทุนมากนั่นเอง เพราะฉะนั้นนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมักหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเป็นหลัก ถึงแม้จะได้กำไรน้อยลงก็ตาม

โลกนี้มีระบบสร้างขึ้นมา เช่น Pattern กลไกต่าง ๆ สูตรสำเร็จต่าง ๆ ที่กูรูต่างนำมาขายแก่นักลงทุน ถ้ามันมีจริง คำถามคือทำไมทุกคนไม่สำเร็จกับการลงทุนได้เลยสักรายหละครับ แล้วทำไมเขาถึงต้องแชร์เงินที่เขาควรได้ให้แก่ผู้อื่นด้วย
เชื่อในแบบที่ตัวเองคิด และจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ เป็นบาปมหันต์ที่สุด เนื่องจากคุณอาจจะเชื่อในข้อที่ 1 เช่น พยากรณ์ความเคลื่อนไหวตลาดได้ไม่พอ คุณยังคิดด้วยว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ซึ่งมันจะนำคุณไปสู่หายนะที่ไม่มีวันย้อนกลับ โดยนักลงทุนระดับโลกไม่เชื่อว่าอะไรจะเป็นไปไม่ได้ และพร้อมรับมือการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาครับ
เป็นไงครับบทความนี้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างของนักลงทุนระดับโลกกับเราหรือยังครับ หลายคนเชื่อกันว่าความสำเร็จนั้นอาจไม่ได้มาจากระบบความคิด ณ ตอนนั้น แต่มาจากการทำซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นพฤติกรรม
เช่นทำไมบุคคลหนึ่งถึงมีความจำดี กับอีกคนหนึ่งกลับจำอะไรได้ช้า จริงๆแล้วมีผลวิจัยครับ ว่าระบบความคิดของพฤติกรรมนั้นแตกต่างกันครับ ในคนที่มีความจำดีมีระบบการจำที่ถูกต้องมากกว่าครับ เช่นการจำโดยภาพจำลอง ดีกว่าการจำด้วยเสียงครับ ดังนั้นอาจบอกได้ว่าถ้าเราสามารถสร้าง Mindset ที่ถูกต้องได้จนเป็นพฤติกรรม เราก็อาจจะเป็นนักลงทุนระดับตำนานได้เช่นกัน
ที่มาจากหนังสือ (The winning Investment Habits of Buffett & Soros)

Intergold