Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองเดือนกรกฎาคม 2020: ทีมผู้จัดการกองทุนยังคงให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์เสี่ยง

มุมมองตลาดปัจจุบัน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ -4.9% ก่อนที่จะกลับมาโต 5.4% ในปีหน้า เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลลบรุนแรงต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกมากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้  ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพฤษภาคมของหลายประเทศปรับตัวดีขึ้น และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน หลังจากที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ตัวเลขดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ต่างปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงในหลายประเทศ เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว และผู้บริโภคยังมีความสามารถในการใช้จ่าย ถึงแม้ยังอยู่ในระดับที่ไม่แข็งแกร่งก็ตาม

การที่เศรษฐกิจของหลายประเทศมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังทยอยฟื้นตัว กอปรกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหลายประเทศอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ และหลายประเทศมีแนวโน้มใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม  นักลงทุนจึงกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

ทั้งนี้ ถึงแม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ราคาหุ้นทั้งในและต่างประเทศได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว แต่ตลาดหุ้นยังคงมีความเสี่ยงขาขึ้นจากหลายปัจจัย ได้แก่ ข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 การทยอยปลดล็อคมาตรการล็อคดาวน์ที่มีอย่างต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ การฟื้นตัวของราคาน้ำมัน การฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ เป็นต้น  ในขณะที่ความเสี่ยงขาลง ได้แก่ การะบาดของไวรัสวิด-19 รอบสอง และส่งผลให้บางประเทศต้องกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนทั้งทางการค้าและการเมือง การดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศอื่น ๆ แต่ส่งผลบวกต่อคะแนนเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นต้น

การที่ความเสี่ยงขาขึ้นมีมากกว่า และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากกว่าความเสี่ยงขาลง การลงทุนในหุ้นจึงมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยดูเหมือนว่านักลงทุนได้มองข้ามตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดว่าจะออกมาย่ำแย่ในไตรมาส 2/63 ไปแล้ว (เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้และคาดไว้แล้ว) และมองไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า ซึ่งหากตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ออกมาย่ำแย่อย่างที่นักวิเคราะห์คาด ก็อาจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ และส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น เพราะราคาหุ้นอาจไม่ได้แพงเกินไปเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ท่ามกลางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ  ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกไม่ได้หดตัวรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายคาดไว้ และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มค่อยฟื้นตัว เนื่องจากรัฐบาลทยอยปลดล็อค และประชาชนเริ่มออกมาใช้จ่ายมากขึ้น โดย ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะหดตัว 8.1% และกลับมาขยายตัว 5.0% ในปีหน้า

ในส่วนของตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก และทิศทางการดำเนินนโนบายของธนาคารกลางที่ยังคงเอื้อต่อการลงทุน โดยในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้พุ่งขึ้นแรง จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน

ในภาพรวม ทีมผู้จัดการกองทุนยังคงให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์เสี่ยง ที่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีมากขึ้น ในขณะที่โอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าความผันผวนในตลาดอาจยังคงมีอยู่

Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองเดือนเมษายน 2020: ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในสินทรัพย์เสี่ยง

Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองเดือนมิถุนายน 2020:

กองทุนแนะนำสำหรับการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์/ภูมิภาค

กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ

KFAFIX-A:

  • ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง ได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุไม่เกิน 5 ปี ปรับตัวลดลง ส่วนสภาพคล่องในตลาดรองของตราสารหนี้ภาครัฐปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นกู้เอกชนยังคงมีความผันผวนโดยถูกผลกระทบตามข่าวการเข้าสู่แผนฟื้นฟูของบริษัทการบินไทย
  • สำหรับแนวโน้มในช่วงหนึ่งเดือนข้างหน้า ตลาดให้ความสำคัญเรื่องแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายหลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 มากขึ้นทั่วโลก จึงอาจทำให้ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นได้ บลจ. ยังคงแนะนำให้จัดสรรเงินลงทุนในกองทุนประเภทนี้สำหรับเงินลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น
  • กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว: เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ จึงควรลงทุนในกองทุนที่มีการบริหารเชิงรุก (Active Management) โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละช่วง โดยแนะนำกองทุน KFAFIX ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น สำหรับ นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ระดับสูง

กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ

KF-SINCOME/ KF-CSINCOM:

  • กองทุนเน้นลงทุนบนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะกลางอย่างระมัดระวังจาก Yield ที่ลดลงมามาก และมีมุมมองเชิงบวกกับ Agency MBS และประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง และมีหนี้สินระหว่างประเทศต่อ GDP ในระดับที่เหมาะสมเช่น บราซิล รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย
  • ขยายโอกาสการลงทุนด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นในการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภทที่มีศักยภาพทั่วโลก มุ่งเน้นรายได้ที่สม่ำเสมอจากการลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทน ทั้งนี้กองทุน KF-SINCOME เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาแหล่งสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ประจำ และ KF-CSINCOM เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมความเติบโตของผลตอบแทนไว้ในกองทุน

กองทุนตราสารทุนในประเทศ

KFENS50-A:

กองทุนเน้นการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET 50

กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ

Developed market equity

KFGBRAND-A / KFGBRAND-D:

  • กองทุนลงทุนหุ้นที่มีคุณภาพสูง เน้นหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เติบโตสม่ำเสมอในระยะยาว ทนทานในทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ ทำให้กองทุนมีความน่าสนใจในตลาดที่ผันผวนแบบนี้
  • กองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยมุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูง มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีแหล่งรายได้กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

KF-HUSINDX:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของ FED ที่เพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องฮ่องกงและสงครามการค้า โดยจีนยกเลิกการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ เองก็สั่งห้ามการค้าขายกับ Huawei และอาจห้ามบริษัทจีนมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะยังคงอยู่จนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายปีนี้
  • กองทุนหลักเน้นลงทุนใน iShares Core S&P500 ETF ซึ่งจะมีผลการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี โดยคาดการณ์การเติบโตยังคงมีอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น การปฎิรูปภาษี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

KF-EUROPE/ KF-HEUROPE:

  • ยุโรปเริ่มทยอยผ่อนคลายนโยบาย Lockdown หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อมีทิศทางชะลอลง อย่างไรก็ตามภาพเศรษฐกิจและรายได้บริษัทจดทะเบียนยังคงน่ากังวล โดยตลาดมองว่า EPS ปีนี้ของตลาดยุโรปจะหดตัวลงกว่า 30% ทั้งนี้ ECB เพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเพิ่มการเข้าซื้อสินทรัพย์และต่ออายุมาตรการไปจนถึงกลางปีหน้า แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจากประเทศที่มีระดับหนี้สูงอย่างอิตาลีซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ในยุโรปอีกครั้ง
  • กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นของยุโรปที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง โดยนักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนใน KF-HEUROPE เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

Emerging market equity

KFACHINA-A:

  • จีนยังคงทยอยผ่อนคลายนโยบาย Lockdown โดยตัวเลขเศรษฐกิจชี้ให้เห็นถึงภาคการผลิตที่เริ่มกลับมาดีขึ้น ขณะที่ภาคบริการฟื้นตัวช้ากว่า อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางจีนและรัฐบาลยังคงออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตลาดจีนอาจมีความผันผวนจากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องฮ่องกงและสงครามการค้า โดยคาดว่าตลาดในประเทศอย่าง A-shares จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
  • กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคและภาคบริการที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปเศรษฐกิจในระยะยาว

Multi-Asset

KFAINCOM-A / KFAINCOM-R:

  • ในช่วงที่ภาวะตลาดทุนมีแนวโน้มผันผวน การลงทุนแบบ Multi-Asset Income Fund กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั้ง หุ้น ตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือกที่ให้ Yield ที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดปรับตัวผันผวนขณะที่ยังคงได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ
  • กองทุนหลักเน้นการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ โดยผู้จัดการกองทุนหลักจะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กองทุนหลักเน้นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ประสงค์จะกระจายการลงทุนด้วยตนเอง

Krungsri Asset Management

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Krungsri The Masterpiece สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ FINNOMENA

สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Krungsri The Masterpiece คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน


Krungsri The Masterpiece อัปเดตมุมมองเดือนมิถุนายน 2020:

หมายเหตุ:

  • กองทุน KFGBRAND-A, KFGBRAND-D, KF-EUROPE, KFACHINA-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • กองทุน KF-SINCOME, KF-CSINCOM, KFAINCOM-A, KFAINCOM-R, KF-HUSINDX, และ KF-HEUROPE ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

คำเตือน  ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต  กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน  ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้   กองทุนที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน อาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น   กองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้  (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ผู้ลงทุนจึงอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย  เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร  0 2657 5757