แล้วธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดได้ประกาศแนวทางความเป็นไปอย่างเป็นทางการ ของเงินดิจิทัลดอลลาร์ หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) ในภาพรวมออกมาเป็นครั้งแรก

โดยเฟดมองเงินสกุลคริปโตว่ามีระดับราคาที่แกว่งตัวมากเกินไปที่จะเป็นตัวแทนในการแลกเปลี่ยน โดยเฟดชอบ StableCoins มากกว่า แต่ก็ต้องมีกฎเกณฑ์ในการกำกับที่รัดกุมเช่นกัน

ทั้งนี้ ตามโรดแมปแรกสำหรับสกุลเงินดิจิตัล ของ “ธนาคารกลางสหรัฐ” นั้น เฟดเลือก CBDC  ในรูปแบบต่าง ๆ ตามคำถามหลัก ดังนี้

คำถามแรก คือ เฟดจะเลือกให้เงินดิจิทัลดอลลาร์เป็นแบบที่ใช้เหรียญ token-based หรือแบบที่ใช้เปิดเป็นบัญชี หรือ account-based?

คำตอบ คือ เฟดเลือกให้ดอลลาร์เป็นแบบ account-based เพื่อให้สามารถรู้ถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือเงินดิจิทัลดอลลาร์

คำถามที่สอง คือ เฟดจะเลือกใช้เงินดิจิทัลดอลลาร์เป็นแบบ Wholesale ซึ่งมีธนาคารพาณิชย์เป็นผู้แจกจ่ายเงินดิจิทัลดอลลาร์สู่ประชาชน หรือ แบบ Retail ซึ่งเฟดจะแจกจ่ายเงินดิจิทัลดอลลาร์ให้กับประชาชนโดยตรง?

คำตอบ คือ เฟดเลือกให้เป็นแบบ Wholesale ซึ่งมีธนาคารพาณิชย์เป็นผู้แจกจ่าย เงินดิจิทัลดอลลาร์สู่ประชาชน

นอกจากนี้ เฟดยังต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือเงินดิจิทัลดอลลาร์เป็นความลับ หรือ Privacy-based CBDC

รวมถึงเฟดยังเน้นว่า สำหรับเงินดิจิทัลดอลลาร์ ต้องพิจารณาการใช้ประโยชน์ด้วยความรอบคอบ ในการประเมินให้เห็นข้อดีและข้อเสียของเงินดิจิทัลดอลลาร์ ก่อนที่ดอลลาร์จะก้าวเข้าไปสู่ เงินสกุลดิจิทัล

ทั้งนี้ ข้อดีของการใช้เงินดิจิทัลดอลลาร์ มีดังนี้

  1. ลดระดับความเสี่ยงในรูปแบบต่าง ๆ จากบรรดาเงินสกุลคริปโตหรือ Private Digital Money
  2. ช่วยบรรดาผู้ประกอบการวิสาหกรรมขนาดกลางและเล็กหรือ SME ให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการออก Private Digital Money หรือเท่ากับช่วยลดความเสียเปรียบด้านต้นทุนต่อบริษัทยักษ์ใหญ่
  3. เสริมให้เงินดอลลาร์ยังคงเป็นเงินสกุลหลักของโลกหรือ International Reserve ที่มีเวอร์ชันเงินเป็นแบบดิจิทัลเทียบเคียงกับเงินสกุลหลักอื่น ๆ
  4. ช่วยบริการการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
  5. ให้คนที่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ โดยจากสถิติ พบว่าในสหรัฐ มีผู้ไม่ได้เข้าถึงแหล่งเงินเยอะพอสมควร โดยเงินดิจิทัลดอลลาร์จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการเงินลดลง
  6. เกิดความคลอบคลุมด้านการเงินหรือ Financial Inclusion ในพื้นที่ห่างไกล ผ่าน Mobile App ที่จะใช้เงินดิจิทัลดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ข้อเสียของการใช้เงินดิจิทัลดอลลาร์ มีดังนี้

  1. การเปลี่ยนโครงสร้างตลาดของภาคการเงิน เมื่อมีเงินดิจิทัลดอลลาร์ ซึ่งมีสถานะใกล้เคียงกับเงินที่ใช้กันในปัจจุบันเข้ามาในระบบสถาบันการเงิน แน่นอนว่าด้วยความเสี่ยงที่ต่ำกว่าตราสารทางการเงินประเภทอื่น ๆ เนื่องจากปราศจากความเสี่ยงประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลให้ปริมาณเงินฝากของแบงก์ลดลง รวมถึงปริมาณเงินกู้ก็จะลดลงด้วย

โดยหนึ่งในหนทางการแก้ไขในประเด็นนี้คือการทำให้อัตราดอกเบี้ยของเงินดิจิตัลดอลลาร์ ลดลง หรือ จำกัดไม่ให้ประชาชนถือเงินดิจิทัลดอลลาร์เกินระดับหนึ่ง ๆ ต่อท่าน

อย่างไรก็ดี เงินฝากแบงก์ก็มีคู่แข่งอย่าง Stablecoins และ ตราสารกองทุนในตลาดเงิน (Money Market Fund) ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณเงินฝากของแบงก์ลดลงเช่นเดียวกัน

2. ความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบการเงิน  กล่าวคือ เมื่อเงินดิจิทัลดอลลาร์ ไปทดแทนเงินฝากมากขึ้นเรื่อย ๆ ณ จุดหนึ่ง ก็จะเกิด Bank Run หรือคนแห่ไปถอนเงินจากธนาคารจนไม่มีเงินเหลือพอที่จะคืนให้ประชาชน

โดยหนึ่งในหนทางแก้ไขในประเด็นนี้คือการทำให้อัตราดอกเบี้ยของเงินดิจิทัลดอลลาร์ ลดลง หรือ จนเป็นศูนย์ รวมถึงจำกัดไม่ให้ประชาชนถือเงินดิจิตัลดอลลาร์ เกินระดับหนึ่งๆต่อท่าน

  1. ปฏิบัติการของนโยบายการเงินน่าจะมีประสิทธิภาพลดลง โดยการออกแบบของ เงินดิจิทัลดอลลาร์ จะมีอิทธิพลต่อกลไกการทำงานของนโยบายการเงิน

ณ ปัจจุบัน ภายใต้บรรยากาศเฟดที่มีเงินสำรองอยู่ค่อนข้างเยอะนั้น การขยับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดสามารถที่จะส่งผลต่อเนื่องไปสู่อัตราดอกเบี้ยประเภทอื่น ๆ อาทิ เงินฝากหรือเงินกู้ เนื่องจากเม็ดเงินของเงินสำรองที่มีมากอยู่นั้น จะสามารถทำหน้าที่ส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปสู่การเป็นต้นทุนทางการเงินในทุกภาคส่วนเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี เมื่อเงินดิจิตัลดอลลาร์ได้รับการถือครองแทนเงินฝากมากขึ้นเรื่อย ๆ ปริมาณเงินสำรองในรูปแบบของเงินฝากและ ตราสาร repo จะลดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งการขยับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ไม่สามารถที่จะส่งผลต่อเนื่องไปสู่อัตราดอกเบี้ยประเภทอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม โดยหนึ่งในทางแก้ในประเด็นนี้คือการทำให้อัตราดอกเบี้ยของเงินดิจิทัลดอลลาร์ลดลง หรือ จำกัดไม่ให้ประชาชนถือปริมาณเงินดิจิตัลดอลลาร์เกินระดับหนึ่ง ๆ ต่อท่าน

นอกจากนี้ เงินดิจิทัลดอลลาร์น่าจะมีผลทำให้การตอบสนองต่อสภาพเศรษฐกิจ จากการทำนโยบายการเงินแบบพิเศษ อาทิ QE เปลี่ยนไปจากเดิมด้วย

  1. การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน โดยการเข้ามาของ เงินดิจิทัลดอลลาร์จะทำให้มีจุดที่เสี่ยงต่อการขโมยหรือล้วงข้อมูลและการกระทำอาชญากรรมทางการเงินมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมี จำนวน contact point ทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นกว่าเดิมมาก
  2. การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหากถูกจารกรรม รวมถึงภัยทางไซเบอร์ โดยเงินดิจิทัลดอลลาร์ ต้องมีคุณสมบัติที่สามารถทำให้ระบบกลับมาฟื้นตัวใช้ได้เหมือนเดิมอย่างรวดเร็วหากถูกจารกรรม รวมถึงต้องมีระบบที่สามารถป้องกันจากอาชญากรรมหรือภัยทางไซเบอร์ เนื่องจากมี จำนวน contact point ทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

ไว้มารอติดตามกันต่อไปว่า กลไกการทำงานของเงินดิจิทัลดอลลาร์จะใช้เทคโนโลยี แนวไหน รวมถึงการจะเริ่มใช้งานจริง ๆ ทั่วโลกในช่วงเวลาใดในอนาคต

MacroView

ที่มาบทความ: http://www.macroviewblog.com/blog/investment/fedcbdcfirst/