5 ตัวเต็ง "ทายาท สี จิ้น ผิง"

การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 นี้แม้ว่าจะเป็นที่แน่นอนว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์คนปัจจุบันจะยังคงทำหน้าที่ผู้นำสูงสุดต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ทว่าไฮไลต์ของงานนี้อยู่ที่การตั้งกรรมการ 5 จาก 7 ท่านที่กำลังจะเกษียณ ที่ยกเว้นคือประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง และ นายกรัฐมนตรี หลี เค่อ เฉียง ในคณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) ซึ่งว่ากันว่า 1 ใน 5 ท่านใหม่นี้ จะถือว่ามีสิทธิ์เป็นทายาทที่จะเป็นผู้นำของจีนต่อจากประธานาธิบดี สี ในอีก 5 ปีข้างหน้า บทความนี้ขอนำเสนอ 5 ตัวเต็งที่จะก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้สูงสุด ดังนี้

เริ่มจากเต็งหนึ่ง : หลี จ้าน สือ

จุดที่ได้เปรียบของนายหลีคือถือว่าเป็นสายตรงจากประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เนื่องจากเขาไม่เคยรู้จักกับผู้ใหญ่รุ่นก่อนนายสี ไม่ว่าจะเป็นเจียง เจ๋อ หมิน หรือ หู จิ้น เทา แถมยังเคยโดนเด็กของทั้งคู่แต่งตั้งให้นายหลีไปทำงานในแคว้นที่ยากจนที่สุดมาแล้ว

หากไล่เลียงประวัติการทำงานของนายหลีจนมาถึงวันที่เขาถือว่าเป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นสมาชิก Standing Committee ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า ต้องบอกว่าเหมือนกับหนัง Mission Impossible จนหลายคนให้ฉายาเขาว่า ‘Shane Comeback’

ย้อนหลังไปกว่า 30 ปีก่อน นายหลี กับ ประธานาธิบดี สี เคยทำงานร่วมกันในสมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นวัยกระเต๊าะในยุค 80 เป็นเวลากว่า 3 ปี ในฐานะผู้ว่าของเมืองวูจี และ เมืองเจนติ้ง ตามลำดับ ด้วยความที่บิดาของประธานาธิบดีสี เป็นผู้นำระดับผู้ใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ทว่านายหลีเป็นพนักงานระดับปฏิบัติงานของพรรค จึงทำให้นายสีไปเป็นผู้ว่าของเมืองใหญ่ ในขณะที่นายหลีย้ายไปคุมเมืองหูเป้ย

ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดดันไปเหยียบหัวแม่โป้งกับเด็กของเจียง เจ๋อ หมิน เลยโดนเด้งไปดูแลเมืองที่มีแต่ปกคลุมด้วยหิมะ อย่างเมืองชานซี และ ต่อมาไปที่เมืองเฮยลองเจียง ซึ่งที่นี่นายหลีเริ่มตีซี้กับฝ่ายทหารจนได้ เป็นบุคคลแห่งปี 2008 ด้านพัฒนาการทหารและปรากฏตัวทีวีเกมโชว์ของสถานีโทรทัศน์รัฐบาลเพื่อโปรโมทภาพลักษณ์ตัวเอง

โดยจุดเปลี่ยนของนายหลี คือ การที่ไปเป็นคุมเมืองกุ้ยโจว แล้วตัดสินใจหักดิบกับระบบการทำงานเดิมที่นั่น เพื่อให้มีการลงทุนด้านสาธารณูปโภคจนเศรษฐกิจของกุ้ยโจวเติบโตถึง 49% ระหว่างปี 2010 ถึง 2012 รวมถึงมีสวัสดิการที่ดีเยี่ยมโดยมีจำนวนหมอต่อประชากรสูงสุดในบรรดาเมืองเกรดเดียวกัน

ณ เวลานั้น สี จิ้น ผิง เดินทางมาเยือนเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้พอดี และกำลังขึ้นเป็นประธานาธิบดีต่อจากหู จิ้น เทา เลยเข้าทางได้โปรโมทขึ้นนั่งในเก้าอี้ 1 ใน 25 คนของคณะกรรมการโพลิตบูโร โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้ออกงานร่วมกับนายสี พบทั้งผู้นำรัสเซีย สหรัฐ และไต้หวัน จนได้ฉายาว่า “มือขวาของผู้นำ สี”

มาถึงเต็งสอง : เฉิน มิ่น เอ๋อ 

เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการเมืองฉงชิ่ง เมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของจีน หลังจากที่ซุ่น เจิ้ง ไฉ้ อดีตผู้ว่าการเมืองฉงชิ่ง ดาวรุ่งทางการเมืองที่มีสิทธิ์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของจีนคนต่อไปถูกตั้งกรรมการสอบสวนในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยนายเฉินเคยดูแลเมืองกุ้ยโจวเป็นเวลากว่า 5 ปี ที่ว่ากันว่ามีความทุรกันดานมาก ซึ่งทั้งประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงและ หู จิ้น เทา ก็เคยดูแลเมืองนี้มาก่อน

จุดเด่นของนายเฉินคือเป็นคนรุ่นอายุ 50 กว่าๆ ที่ผ่านงานดูแลเมืองที่ประชาชนมีความลำบากได้ค่อนข้างดี ซึ่งกลายเป็นคอร์สที่สอนให้ผู้นำจีนรุ่นต่อไป ให้เคยได้เห็นการมองความยากลำบากของประชาชนมาก่อน นายเฉินได้พัฒนาระบบการรวมศูนย์ที่ดินไว้ให้ประชาชนช่วยกันทำมากินด้านเกษตรกรรม นอกจากนี้ น่าสังเกตว่า อดีตคู่แข่งทางการเมืองเบอร์หนึ่งเมื่อ 5 ปีก่อนของประธานาธิบดีสี คือ นายโป ซี ไล้ ก็เป็นผู้ว่าเมืองฉงชิ่ง แสดงถึงความสำคัญของตำแหน่งทางการเมืองของเมืองๆ นี้

ถึงคิวเต็งสามกันบ้าง : หาน เจิ้ง ผู้ว่าการเมืองเซี่ยงไฮ้

ที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อ 5 ปีก่อน ฉายา แมวเก้าชีวิต มาจากเมื่อ 8 ปีก่อน นายหานแทบจะยังไม่มีใครรู้จัก หลังจากส้มหล่น ได้ลื่อนตำแหน่งจากการเป็นนายกเทศมนตรีมาเป็นผู้ว่าเมืองเซียงไฮ้ หลังจากผู้ว่าคนเดิมซึ่งเป็นเจ้านายของนายหานนั่นเองถูกถอดถอนจากรัฐบาล หาน เจิ้งได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่บริหารเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้แบบที่ไม่เน้นการเติบโตด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ยังเน้นไม่ให้เกิดมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย หากได้ขึ้นมาเป็น 1 ใน 7 เสือStanding Committee น่าจะมาดูแลด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

เต็งสี่ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์วัย 67 ปีนามว่า หลิว เฮ่อ 

เชี่ยวชาญด้านการมองภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนเชื่อมกับทั่วโลก จุดเด่นของเขาคือเป็นหนึ่งเดียวใน 5 ท่านที่กล่าวถึงซึ่งจบการศึกษาจากอเมริกา และมีส่วนในการเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแบบสายตรงให้กับนายสี จิ้น ผิง ไมว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐทั้งทิโมธี ไกธ์เนอร์และลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ล้วนแต่ต้องมาพบกับนายหลิว หากมาเยือนรัฐบาลจีน นอกจากนี้ บทความที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติการเงินปี 2008 และ ปี 1930 ได้รับรางวัลจากรัฐบาลในปี 2014 อย่างไรก็ดี จุดอ่อนของนายหลิวคือไม่เคยผ่านงานบริหารให้กับพรรคมาก่อน

มาถึงเต็งห้ากันบ้าง หู ชุ่น หัว เด็กสร้างของอดีตผู้นำจีน หู จิ้น เทา

ผู้ว่าการเมืองกวางตุ้ง ถือเป็นตัวเก็งที่อายุน้อยที่สุดใน 5 ท่าน เขาเคยดูแลเมืองทิเบตและมีส่วนในการพัฒนาเมืองกวางตุ้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้ดีพอสมควร โอกาสของนายหูในงานนี้ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการผลักดันของนายหู จิ้น เทา ด้วยครับ

ที่มาบทความ : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642810