
บทความนี้ จะพามาแนะนำตลาดหุ้นแนว Turnaround หรือตลาดที่ดัชนีร่วงลงมาเยอะในช่วงที่ผ่านมา ทว่ามีโอกาสที่จะกลับมาเป็นขาขึ้นแบบจริงจังอยู่ค่อนข้างสูง ประจำปี 2025 อีก 2 ตลาดโดยผมมองว่าประกอบด้วย อังกฤษ และ อาร์เจนตินา ดังนี้
อ่านเพิ่มเติม ตลาดหุ้นแนว Turnaround: เกาหลีใต้ และ ฮ่องกง
ตลาดหุ้นอังกฤษ
อังกฤษ ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่สามารถตกลงเซ็นสัญญาทางการค้ากับสหรัฐได้สำเร็จ โดยรถยนต์อังกฤษสามารถนำเข้าเพื่อจำหน่ายในสหรัฐแบบแทบจะปลอดภาษีได้เป็นชาติแรกในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อม ๆ กับสินค้าอื่น ๆ อีกหลายประเภท จุดได้เปรียบของอังกษคือไม่ต้องกังวลว่านโยบาย Tariff War ของทรัมป์จะจ้องเล่นงานสินค้าส่งออกของเมืองผู้ดี เนื่องจากทรัมป์ประกาศว่าอังกฤษคือพันธมิตรอันดับหนึ่งของสหรัฐ
นอกจากนี้ ในมุมของนโยบายการเงินนั้น น่าจะถือว่าเป็นชาติเดียวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังจะลดลงต่ออย่างแน่นอน แม้ว่าจะลดลงมาพักหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ นโยบายการคลังของรัฐบาลยังพร้อมจะผ่อนคลาย หากว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอังกฤษลดลงมากกว่าที่คาดไว้
เซกเตอร์หลักของตลาดหุ้นอังกฤษ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Value
ซึ่งดัชนีหุ้นอังกฤษเทรดด้วยอัตราส่วน P/E ที่ต่ำ, อัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลที่สูง และอัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้ดัชนีมักจะขึ้นน้อยกว่าหุ้นในกลุ่ม Growth
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงซึ่งรวมถึงระดับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอังกฤษลดลงด้วยนั้น หุ้นในกลุ่มนี้ มักจะเป็นขาขึ้นแบบค่อนข้างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็น ‘ตัวแทนของตราสารหนี้’ จะดูมีความโดดเด่นจากรายได้ที่ได้รับ (Current Income) ที่น่าสนใจ อาทิ REIT ขนาดใหญ่ของอังกฤษอย่าง British Land และ Land Securities มี Yield 5.5% และ 6.2% ตามลำดับ เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ หุ้นอังกฤษในกลุ่มกลาโหม ถือว่ามาแรง โดย 8 หุ้นในกลุ่มนี้ซึ่งเป็นสมาชิกของ FTSE All-Share Index นำทีมด้วย BAE Systems, Rolls-Royce, Babcock และ Chemring มีอัตราผลตอบแทน 55% สำหรับในปีนี้ โดยถึงแม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มนี้จะพุ่งสูงขึ้นจน Valuation สูงกว่าค่าเฉลี่ย อาทิ หุ้น BAE เทรดกันที่ 20 เท่าของกำไรในปีหน้า เทียบกับระดับประมาณ 12 เท่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
กระนั้นก็ดี โมเมนตัมก็ดูยังน่าจะไปต่อได้ จากการที่รัฐบาลอังกฤษเร่งการลงทุนในอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อรองรับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ หุ้นกลุ่มกลาโหมของอังกฤษยังคงดูมีราคาถูกเมื่อเทียบกับคู่แข่งในยุโรป โดยหุ้นกลาโหมยุโรปที่ไม่ใช่ Rheinmetall ซึ่งพุ่งทะยานไปมากกว่าเพื่อน อย่าง Leonardo, Thales และ Safran ยังเทรดกันที่ค่า P/E ระหว่าง 27 ถึง 30 เมื่อเทียบกับกำไรในปีนี้
ตลาดหุ้นอาร์เจนตินา
นโยบายเศรษฐกิจของซาเวียร์ มิเลอิ ผู้นำอาร์เจนตินา คือ การรัดเข็มขัด และ การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของระบบราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยที่มีการควบคุมเงินไหลเข้าออกจากประเทศ (Currency Controls) ทั้งนี้ มิเลอิไม่ต้องการให้มีการพิมพ์เงินในประเทศเพื่อนำมาใช้ในการปกป้องค่าเงิน ทว่าต้องการให้ Fundamental ที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ ปริมาณการขาดดุลงบประมาณที่ลดลง และ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง เป็นตัวที่ช่วยให้ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาค่อย ๆ อ่อนค่าน้อยลง โดยที่ทางการจะเป็นผู้ประกาศระดับค่ากลางของเงินสกุลเปโซ (Fixed Exchange Rate) ซึ่งที่ผ่านมาแข็งค่ากว่าระดับในตลาด Black Market ค่อนข้างมาก ท่ามกลางบรรยากาศอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ค่าเงินเปโซใน real term แข็งค่าขึ้นมาก
อย่างไรก็ดี ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้ได้รับเงินกู้มูลค่า $2 หมื่นล้าน จาก IMF มิเลอิได้ทำการยกเลิกระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ซึ่งทำให้ค่าเงินเปโซแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในการทำหน้าที่เป็นหลักยึด (Anchor) ให้กับการเพิ่มขึ้นของราคาในเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการป้องกันไม่ให้ธนาคารกลางอาร์เจนตินาเพิ่มทุนสำรองเพื่อนำมาปกป้องค่าเงิน โดยในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา มิเลอิได้ทำการลอยตัวค่าเงินเปโซ อย่างไรก็ดี ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม กลับออกมาต่ำกว่า 2% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 ที่อัตราเงินเฟ้ออาร์เจนตินาต่ำในระดับนี้
นอกจากนี้ เมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินายังสามารถจ่ายคืนเงินต้นพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า $4.3 พันล้านต่อเจ้าหนี้ได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
สำหรับตลาดหุ้นอาร์เจนตินา มีอัตราผลตอบแทนกว่า 100% นับตั้งแต่ต้นปี 2024 โดยจุดเด่นของอาร์เจนตินาในตอนนี้ คือมิเลอิมีความสนิทแนบแน่นกับทรัมป์ ถึงขนาดที่ผู้นำอาร์เจนตินาได้ไปร่วมงานฉลองการรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐของทรัมป์ แบบที่ขึ้นเวทีไปโชว์การตัดลดงบประมาณด้วยการถือเลื่อยร่วมกับอิลอน มัสก์ด้วยตนเอง
ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ, CFP
MacroView, macroviewblog.com