Merkle Weekly Snapshot: บทวิเคราะห์มุมมองการลงทุนประจำสัปดาห์ 20 - 24 January 2025

หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้

MACROECONOMICS

Key Takeaways

  • Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • Flash Manufacturing PMI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • Flsh Services PMI มีแนวโน้มที่จะลดลง

WEEKLY TONE: BUY WEEK

ด้วยความที่สัปดาห์นี้ไม่ได้มีตัวชี้วัดสำคัญออกมา ทำให้เหล่านักลงทุนต้องจับตามองที่ตลาดเป็นหลัก และด้วยการที่ CPI ของสัปดาห์ที่แล้วมีการออกมาและเรียกได้ว่าตรงตามความต้องการของนักลงทุน ทำให้ตลาดมีแรงซื้อกลับ ณ เวลานี้นักลงทุนสามารถเปิดโหมด Risk On กับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ด้วยการที่ยังมีปัจจัยการพูดของ FED ในปลายเดือน อาจทำให้นักลงทุนต้องเหลือทุนสำรองไว้ในกรณีตลาดปรับตัวลง


Important Economic Data this week :

1. Unemployment Claims

Initial Jobless Claims หรือ Unemployment Claims คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าใช้จ่ายของรัฐได้ชัดกว่าอัตราการว่างงาน เพราะยิ่งตัวเลขนี้สูงขึ้นนั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายของภาครัฐ หรือ Government Expenditure ถูกใช้ไปในการช่วยเหลือกลุ่มคนว่างงานมากขึ้น เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะหดตัว และยังแสดงให้เห็นถึงช่องว่างความเหลื่อมล้ำในประเทศอีกด้วย โดยตัวเลขนี้จะมีประกาศทุก ๆ วันพฤหัสบดี

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 217k เป็น 219k

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/jobless-claims

ตีความอย่างไรต่อตลาด

การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของ Unemployment Claims แสดงให้เห็นถึงการที่มีคนมาขอสวัสดิการคนว่างงานใหม่เพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียวอาจไม่สามารถส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงได้

2. Flash Manufacturing PMI

Flash Manufacturing PMI (Purchasing Managers’ Index) คือดัชนีการจัดการผลิตเบื้องต้น ที่เผยแพร่ก่อนรายงานหลักเพื่อให้สังเกตเห็นแนวโน้มทันทีก่อนการเผยแพร่ของข้อมูลหลักในท้ายเดือน โดยดัชนีที่ใช้วัดระดับของกิจกรรมการผลิตในส่วนการผลิตของประเทศสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นโดย IHS Markit ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับของกิจกรรมการผลิตโดยสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการผลิตในธุรกิจ โดยค่า PMI ที่มากกว่า 50 จะแสดงถึงการขยายของกิจกรรมการผลิต ค่าที่ต่ำกว่า 50 จะแสดงถึงการย่อลงของกิจกรรมการผลิต

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Flash Manufacturing PMI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 49.4 เป็น 49.6

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/manufacturing-pmi

ตีความอย่างไรต่อตลาด

การคาดการณ์ในการเพิ่มขึ้นของ Flash Manufacturing PMI แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างช้า ๆ ของภาคการผลิต และสามารถส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ แต่ด้วยการที่ค่าการคาดการณ์ของดัชนีนี้ยังไม่ข้าม 50 ก็อาจแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตยังไม่เติบโตไปอย่างเต็มที่

3. Flash Services PMI

Flash Services PMI (Purchasing Managers’ Index) ดัชนีการจัดการบริการเบื้องต้น ที่เผยแพร่ก่อนรายงานหลักเพื่อให้สังเกตเห็นแนวโน้มทันทีก่อนการเผยแพร่ของข้อมูลหลักในท้ายเดือน โดยดัชนีที่ใช้วัดระดับของกิจกรรมในส่วนการบริการของประเทศสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นโดย IHS Markit ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับของกิจกรรมการบริการโดยสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการบริการ โดยค่า PMI ที่มากกว่า 50 จะแสดงถึงการขยายของกิจกรรมการบริการ ค่าที่ต่ำกว่า 50 จะแสดงถึงการย่อลงของกิจกรรมการบริการ

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Flash Services PMI มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 56.8 เป็น 56.6

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/services-pmi

ตีความอย่างไรต่อตลาด

แม้จะมีการคาดการณ์การลดตัวลงของ Flash Services PMI แต่ด้วยการที่ดัชนีนี้ได้มีค่ามากกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาคการบริการที่แข็งแกร่ง แม้จะมีการลดลงที่แสดงให้เห็นถึงภาคการบริการได้มีการหดตัวลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังถือว่าภาคการบริการยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจอยู่


CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK

Credit from LayerGG

Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล

20 มกราคม

  • Trump executive order
  • US ตลาดปิด
  • SEC Gensler resigns

21 มกราคม

  • $EIGEN – ปลดล็อกเหรียญ 0.55% ของอุปทานหมุนเวียน

22 มกราคม

  • $ENA – ปลดล็อกเหรียญ 0.42% ของอุปทานหมุนเวียน

23 มกราคม

  • การประกาศค่า Unemployment Claims
  • $ANIME TGE & AirDrop
  • SOL ETF DEADLINE

24 มกราคม

  • BOJ Policy Rate
  • $IMX – ปลดล็อกเหรียญ 1.43% ของอุปทานหมุนเวียน
  • $MOCA – ปลดล็อกเหรียญ 2.70% ของอุปทานหมุนเวียน

Weekly Crypto Must Watch


Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap

ในส่วนของ Funding Rate สำหรับอาทิตย์นี้ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ แสดงถึงความ Bullish ของนักลงทุนในตลาด โดยมีการเปิดสถานะลองมากกว่าสถานะชอร์ต โดยที่วันนี้จะเป็นวันที่ ทรัมป์ จะเข้า พิธีสาบานตนรับ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest

ในฝั่งของ Bitcoin Futures Open Interest มีการทำ All Time High ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับราคาและข้อมูลอื่น ๆ กล่าวคือ นักลงทุนมีการ Risk-on หรือเปิดสถานะ เนื่องจากตลาดเกิดการ คาดหวัง เนื่องจาก ทรัมป์ ได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง วันจันทร์วันแรก อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพใหญ่ Open Interest ของ Bitcoin ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก

Source : https://farside.co.uk/?p=997

ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ 1,713.5 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นสัปดาห์ที่มี Inflow ค่อนข้างมาก และมีการซื้อเพิ่มของนักลงทุนกลุ่มนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากมีการ คาดหวังในตัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจเป็นแรงผลักดันในตลาดคริปโตส่งผลให้ตลาดลงทุนคาดหวังเกี่ยวกับ Bitcoin reserve ที่อาจจะมีในอนาคต

Source : https://farside.co.uk/?p=1518

ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิที่ 143.5 ล้านเหรียญ แสดงถึงแนวโน้มเชิงบวกต่อ Ethereum เล็กน้อย ซึ่งเป็นภาพเดียวกันกับ Bitcoin Spot ETF และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวม ที่ยังอยู๋ในช่วงของการ คาดหวัง และรอปัจจัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ที่มีต่อ นโยบาย คริปโต ที่จะทำให้นักลงทุน Risk-On มากขึ้นกว่าเดิม

Trump’s Presidency

โดยที่ผ่านมา ทรัมป์มีท่าที ที่ไม่สนับสนุนต่อบิตคอยน์ โดยเขาเคยบอก บิตคอยน์ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ล่าสุด ทรัมป์ได้แสดงให้เห็นมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในงานประชุม Bitcoin Conference โดยทรัมป์ได้กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้ง “Federal Bitcoin Reserve” ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับบิตคอยน์ให้มีบทบาทในฐานะสินทรัพย์ระดับโลก และจะที่ยืนสำหรับ อุตสาหกรรมในวงการคริปโตเคอเรนซี

โดยชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งส่งผลให้ราคามีมคอยน์พุ่งสูงขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่กลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่สนับสนุนคริปโตของทรัมป์ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นในอนาคตของบิตคอยน์

และที่สำคัญ การแต่งตั้งบุคคลสำคัญ เช่น พอล แอทกินส์ (Paul Atkins) ในตำแหน่งประธาน ก.ล.ต. (SEC) ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการลดกฎระเบียบ ซึ่งสิ่งนี้ จะส่งผลดีต่อบิตคอยน์ด้วยการเพิ่มความชัดเจนให้กับนักลงทุนสถาบัน

ในด้านกระบวนการยุติธรรมหรือ การออกกฎหมาย เช่น คำตัดสินของศาลในสหรัฐฯ ที่ล้มเลิกการคว่ำบาตร Tornado Cash โดยระบุว่าสัญญาอัจฉริยะที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ถือเป็น “ทรัพย์สิน” ตามคำจำกัดความของ OFAC นอกจากนี้ นโยบายด้านกฎหมาย เช่น SAB 121 ซึ่งห้ามไม่ให้ธนาคารถือสินทรัพย์คริปโตแบบ off-balance-sheet มีแนวโน้มที่จะถูกยกเลิกภายในไตรมาสเดียว รวมถึงการปรับปรุงกฎระเบียบด้าน stable coin ภายใต้ Clarity for Payment Stablecoins Act ของวุฒิสมาชิก Hagerty ที่อาจเปิดโอกาสให้ธนาคารที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐสามารถออก stable coin ได้โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากธนาคารกลางสหรัฐ

Opportunities

การที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์สนับสนุนคริปโต เปิดโอกาสให้มีการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ ตัวอย่างเช่น สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวว่า “ทุกอย่างนี้สำหรับบิตคอยน์” นอกจากนี้ สมาชิกคณะรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงหลายคนยังถือคริปโตเคอเรนซี ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรม ทั้งการพัฒนาด้านกฎระเบียบที่สนับสนุน Ethereum และ Solana ETP ในปี 2025 ยังสามารถเพิ่มสภาพคล่องและดึงดูดเงินทุนสถาบันเข้าสู่แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลของทรัมป์อาจออกคำสั่งผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง คำสั่งเหล่านี้อาจครอบคลุมถึง

  • การสร้างกรอบการกำกับดูแลคริปโตที่ชัดเจน เพื่อสร้างความสอดคล้องระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลกลางและรัฐ
  • การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับธุรกิจที่ใช้บล็อกเชนและเหมืองคริปโต เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและการเติบโตในประเทศ
  • การตรวจสอบโครงสร้างการกำกับดูแลของ SEC และ CFTC เพื่อเร่งการอนุมัติผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช้คริปโต เช่น ETP
  • การจัดตั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเน้นที่การเพิ่มขีดความสามารถของสหรัฐฯ ในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

การออกคำสั่งเหล่านี้สะท้อนถึงเป้าหมายของรัฐบาลทรัมป์ในการผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำระดับโลกในด้านคริปโตฯ และนวัตกรรมบล็อกเชน เพื่อสร้างสัญญาณที่ชัดเจนให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุน


WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS

by Cryptomind Advisory

BTC/USDT

$BTC ย่อลงมาถึงแนวรับ Trendline ที่ Breakout ออกมาซึ่งหากราคานั้นยังคงยืนอยู่เหนือ $100,000 ได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นต่อไปได้ โดยแนวต้านที่สำคัญจะอยู่ที่บริเวณ $108,000 ทีเป็นบริเวณ All-Time High อย่างไรก็ตามหากวันนี้ราคาย้อนกลับมาอยู่ใต้ $100,000 ก็อาจเป็นสัญญาณ False Break ได้และ BTC อาจมีโอกาส Sideway ออกข้างต่อไปอีกในสัปดาห์ข้างหน้านี้

แนวต้าน : $108,000 | $120,000 | $135,000

แนวรับ : $100,000 | $92,000 | $88,000

ETH/USDT

$ETH ปัจจุบัน Sideway Down อยู่ในกรอบชุดสะสม Falling Wedge โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของราคาหลังจากนี้คือการ Breakout ออกจากกรอบดังกล่าว ในระยะสั้นนั้นหากราคานั้นมีการปรับตัวลดต่ำกว่า $3,100 ราคาก็อาจมีการปรับตัวลงต่อได้ ซึ่งอาจเพิ่มแนวโน้มโอกาสที่ราคาจะ Breakout ออกด้านล่างอีกด้วย แต่หากราคาสามารถทรงตัวในกรอบต่อไปได้ ก็เป็นโอกาสที่ ETH จะกลับตัวขึ้นมาเพื่อ Breakout จากกรอบด้านบนต่อไปได้

แนวต้าน : $3,400 | $3,700 | $4,000

แนวรับ : $3,100 | $2,870 | $2,400


ASSET ALLOCATION

by Cryptomind Advisory

Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยโดนัล ทรัมป์ และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่สู้ดีนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง

BITCOIN 50%
SELECTIVE LARGE MARKET CAP 30%
SELECTIVE SMALL-MID MARKET CAP ALTCOINS 10%
STABLECOINS 10%

Merkle Capital

ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-20th-25th-January-2025


คำเตือน

สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล