ONE-UGERMF กองทุนลดหย่อนภาษี ที่ลงทุนในบริษัทชั้นนำ ทั่วโลก

ใกล้ช่วงปลายปีแบบนี้ มักมีคำถามว่า RMF LTF กองไหนดี วันนี้จะรีวิวกองทุน ONE-UGERMF คิดว่าเป็นกองที่ได้ประโยชน์กระแส AI Robot E-commerce IoT ที่สุดในกอง RMF ให้ครับ ว่ามีอะไรดี

กองทุนนี้เหมาะกับใคร?

หมาะกับผู้ที่ ลงทุนใน หุ้นได้ ทุกคน (ยกเว้นผู้ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศกลุ่มเทคโนโลยี หนักๆ อยู่แล้ว ควรกระจายความเสี่ยงไปที่อื่น)

กองทุน ONE-UGERMF เปิดโอกาสให้คุณได้ประโยชน์ 2 เด้งคือ

  1. ได้เป็นเจ้าของบริษัทดังๆ ดีๆ ที่มีคุณภาพ อย่าง Facebook Amazon Microsoft Alphabet(Google)
  2. ได้กระจายความเสี่ยงการลงทุนไปทั่วโลก เพราะการลงทุนที่ดี ไม่ควรปิดตัวเองอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น

กองทุนนี้ลงทุนในอะไร? มันต่างกับ RMF อื่นๆอย่างไร

ความแตกต่างที่ชัดเจนคือ กองทุนนี้ ลงทุนต่างประเทศครับ !! และโดยทั่วไป กองทุนต่างประเทศจะลงแค่ประเทศเดียว หรือเป็นภูมิภาค แต่กองทุน ONE-UGERMF นี้ลงทุนทั้งโลกพร้อมกัน แบ่งสัดส่วนดังนี้

  1. ลงทุนกองทุนต่างประเทศ Baillie Gifford Long Term Global Growth Investment Fund 59.3%

กองทุนนี้เน้นในการเฟ้นหาหุ้นจำนวน 20 ถึง 30 ตัว โดยมีแนวคิดว่า บริษัทที่เข้าลงทุน จะต้องมาเปลี่ยนและปฏิรูปอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมได้ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นหุ้นเทคโนโลยี จริงๆแล้ว กองทุนนี้ก็คือกองแม่ (Master Fund) ของกองทุน ONE-UGG ที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ในหมวดหุ้นต่างประเทศ ในช่วงปีนี้นั่นเอง

ตัวอย่างหุ้นที่ลง เช่น Alibaba Tesla Tencent Facebook Amazon และยังรวมไปถึงโอกาสอื่นๆ เช่น เล่น Laggard play ของ Luxury Brand – ลงทุนใน Kering เจ้าของ Gucci, Bottega, Yves Saint Laurent หรือแบรนด์ Luxury อื่นๆ ที่วิ่งมา 102% ในปีเดียวหลังจากหุ้นตัวนี้อยู่เฉยๆมาหลายปีนั่งมองดูเพื่อนๆอย่าง Louise Hermes วิ่งกันไปแล้ว

  1. ลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่ Track ดัชนี MSCI ACWI หรือที่เรียกกันว่า MSCI All Country World Index

33.5% (เพื่อลด Beta หรือความเสี่ยงลงหน่อย) จะได้ประโยชน์จากสินค้าอื่นๆ ทั่วๆไป ด้วย

มาดูในมุมผลตอบแทน และความเสี่ยงกันบ้าง

กองทุนนี้พึ่งเปิดตัวได้ไม่ถึงปีนะครับ ผลตอบแทนที่ผ่านจัดว่าโดดเด่น สไตล์การลงทุนคือ ผู้จัดการกองทุนเลือกกองทุนเองแบบ Fund of Fund นะครับ 6 เดือนที่ผ่านมาได้ผลตอบแทน 11.85% .. เทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ในตารางเขียนว่า ดีมาก (แปลว่า Top 5 -25%)  คราวนี้มาดูมุมอื่นๆกันบ้าง เช่น Drawdown (จับว่า ถ้าเราซื้อที่ยอดดอย แล้วขายที่ต่ำสุด จะขาดทุนเท่าไหร่) ยังดีกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่งกองทุนอื่นๆนะครับ

สำคัญคือการลงทุนใน RMF เป็นการลงทุนระยะยาว ควรกระจายความเสี่ยงเยอะๆ ซึ่งกองทุนนี้ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี และจะเหมาะมากกับผู้ที่มีเวลาลงทุน 5 ปีขึ้น (เพราะเป็นหุ้นล้วน) ยิ่งลงทุนยาวๆ ได้หลัก 10 ปี หุ้นล้วนไปเลยมักจะดีที่สุด

ค่าธรรมเนียมกองทุน แพงไหม?

คำถามยอดฮิต จริงๆแล้วไม่ต้องกังวลเลยครับ เพราะ เป็นข้อดีของ RMF คือ ไม่มีค่าธรรมเนียมตอนเราซื้อ ในขณะที่ค่าบริหารจัดการก็ถูกแสนถูก คือ 1% … โดยปกติ ถ้าไม่ใชกองลดหย่อนภาษี น่าจะโดนตอนซื้อ 1.5- 2% และบริหารจัดการ 1.5 – 2.0%

บทสรุป – The Bottom Line

การลงทุนใน RMF นั้น เป็นการลงทุนที่ยาวมากๆ กองทุนนี้ลงทุนในบริษัทระดับโลก (จะหนักไปทางหุ้นเทคโนโลยีเยอะ) เหมาะกับผู้ที่ ยังไม่มีหุ้นต่างประเทศ  ลงทุนคล้าย กองทุน ONE-UGG ผสมกับ MSCI World ในอัตราส่วน 60:40  ผลตอบแทนดี ค่าธรรมเนียมอยู่ในเกณฑ์รับได้ ไม่แพง