บทเรียน 5 ข้อด้านการอยู่รอดในตลาดเก็งกำไร จาก Peter Brandt เทรดเดอร์ผู้มากประสบการณ์

ถ้าไปงานเลี้ยงแล้วพบเทรดเดอร์ 2 คนให้เลือกสนทนาด้วย โดยคนแรกทำผลตอบแทนได้ 100% กับคนที่สองอยู่รอดปลอดภัยในตลาดเก็งกำไรมา 40 ปี แน่นอนว่าผมเลือกจะใช้เวลาสนทนากับเทรดเดอร์คนที่สองมากกว่า เพราะองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ทำให้เทรดเดอร์ ผู้ออกปฏิบัติงานซื้อขายหุ้นทุกวันแล้ว สามารถรักษากำไร รักษาเงินทุน ให้อยู่รอดระยะยาวหลายสิบปี ทั้งภาวะตลาดหมีตลาดกระทิงนั้นหาได้ยาก ซึ่งภูมิปัญญาที่กลั่นจากชั่วโมงบินที่สูงมันย่อมมีค่ามากกว่า “เงิน” และประสบการณ์จะเป็นตัวแยกระหว่าง “ผู้โชคดี” ในตลาดกับเทรดเดอร์มืออาชีพตัวจริงออกจากกันเสมอ

คุณ Peter Brandt เป็นเทรดเดอร์อีกท่านที่ผมอยากเจอและเลือกสนทนาด้วย เขามีชื่อเสียงและอยู่ในตลาดยาวนานกว่า 40 ปี โดยเริ่มต้นเทรดปี 1975 กับสินค้า Futures ในตลาด Commodity หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยด้านวารสารได้เริ่มทำงานในบริษัทโฆษณามารู้จักตลาดเก็งกำไรจากเพื่อนที่เป็น Floor trader ก็ลาออกจากงานตอน 25 ปีเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องการเทรดสินค้าคอมโมดิตี้ จนได้เข้าทำงานเป็นโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ในบริษัท Continental Grin Company ทำงานได้ระยะหนึ่งมีประสบการณ์และเรียนรู้ด้านการเทรดในตลาดฟิวเจอร์มากพอ ก็ได้ลาออกมาเป็นเทรดเดอร์อิสระ เทรดเงินตัวเองและเงินจากลูกค้า เหตุผลหลักคือ คุณ Peter Brandt ต้องการใช้เวลาในการเทรดอย่างเต็มที่ และมีความอิสระในการได้ทดลองเทรดในกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย แบบไม่ถูกจำกัด เพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง

ภาพ Peter Brandt จาก Real Vision.dot com

ปี 1980 เขาได้ก่อตั้งบริษัท proprietary trading ของตัวเองชื่อ Factor Trading Co., Inc ซึ่งทำการเทรดเก็งกำไรในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณท์และค่าเงิน รวมไปถึงการวิจัยพัฒนาระบบในการเทรดและให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การเทรดกับเทรดเดอร์และนักลงทุนต่างๆอีกด้วย ชื่อเสียงของเขามาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 1990 กับการเขียนหนังสือเล่มแรก Trading Commodity Futures with Classical Chart Patterns. ตามมาด้วยหนังสือเล่มที่สอง ชื่อ Diary of a Professional Commodity Trader. ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดียอดนิยม ด้านการเทรดอีกเล่มของอเมริกา

ภาพจาก Amazon dot com

จากหนังสือ 2 เล่มนี้แหละครับที่ทำให้ผมได้รู้จัก และเรียนรู้วิธีการเทรดจากคุณ Peter Brandt แล้วได้มีโอกาสไปนั่งฟังคลิปวีดีโอ การบรรยายด้านเทคนิคการเทรดและการบริหารความเสี่ยง จนทำให้ได้รับความรู้และแง่คิดดีๆหลายอย่าง จากเทรดเดอร์ผู้มากประสบการณ์อย่างเช่นคุณ Peter Brandt ดังนั้นผมจะขอแบ่งปันบทสรุปแนวคิดสำคัญ 5 ข้อที่มีโอกาสได้เรียนรู้มา ดังต่อไปนี้

1. ไม่กลัวล้มเหลว กล้าลองผิดลองถูก

คุณ Peter Brandt แนะนำเทรดเดอร์มือใหม่เอาไว้ว่า เทรดเดอร์เป็นอาชีพที่ไม่ง่าย ต้องอาศัยการทำงานหนัก ขยันเรียนรู้ การเริ่มต้นจำเป็นต้องเริ่มให้ถูก สิ่งสำคัญการเรียนรู้ต้องเกิดจากการทดลอง กล้าลงสนามเข้าไปเทรด ลองผิดและลองถูก เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงให้มากที่สุด

อย่ากลัวที่จะผิดพลาด แต่ให้เรียนรู้จากผลที่เกิด หากเราสามารถคำนวณผลกระทบการขาดทุนได้ การผิดพลาดขาดทุน อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตรงข้ามผลตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงินอย่างเช่นประสบการณ์ จะช่วยทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นในอนาคต

2. ต้องรักษาเงินทุน เอาตัวรอดในตลาดให้ได้ก่อน

สิ่งหนึ่งที่เหมือนจะเป็นจุดตายของเทรดเดอร์มือใหม่ คือความพยายามจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองด้วยการทำกำไรมากๆเร็วๆ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายในเวลาอันสั้น คุณ Peter Brandt แนะนำประเด็นนี้ไว้ว่าการก้าวไปสู่มืออาชีพได้นั้นต้องใช้เวลาฝึกฝน 3-4 ปีกว่าเทรดเดอร์จะมีประสบการณ์เอาตัวรอดในตลาด หรือทำเงินได้ต่อเนื่อง

ซึ่งมันไม่ง่ายเพราะสิ่งยากกว่าการทำเงิน คือการรักษาเงินทุน รักษากำไรที่หาได้มา ไม่ให้หมดไปอย่างง่ายดายในภายหลัง ตรงนี้ต้องอาศัยฝีมือ ไม่ใช่แค่ดวงดี(ได้กำไรมากแต่เสียขาดทุนไปมาก เร็วก็ไม่เกิดประโยชน์) นอกจากนี้ เทรดเดอร์มืออาชีพจะต้องรู้จักบริหารเงิน(Momney Management) คิดเป็นไม่โลภ ไม่เร่งรีบใช้ Leverage สูงๆเพื่อกอบโกยกำไรโดยเฉพาะในตลาด Futures ที่ราคามีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

การจะเอาตัวรอด จากภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนนั้น ต้องอาศัยการวางแผนรักษาระดับความเสี่ยงให้เหมาะสม ทำตามแผนอย่างเคร่งครัด เมื่อพอร์ตมันคงอยู่รอด กำไรสะสมทบต้นจะช่วยทำให้พอร์ตเติบโต ยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

3. หากลยุทธ์และแนวทางการเทรดที่เหมาะกับตัวเอง

คุณ Peter Brandt เริ่มต้นทดลองการเทรดมาหลายรูปแบบในช่วงเริ่มต้นขาดทุนผิดหวังอยู่หลายครั้งก็ยังหาแนวทางที่เหมาะตัวเองไม่เจอ แต่ก็ไม่ท้อไม่ถอดใจ เขามองว่ามันคือโจทย์ที่ท้าทาย เดินหน้าทดลองต่อจนมาพบแนวทางการเทรด แบบ Breakout และ Momentum Trading บนการเทรดระดับกลางและยาว เน้นการทำกำไรบนกำลังโมเมนตัมของราคาที่เคลื่อนไป โดยเขาวิเคราะห์หาความน่าจะเป็นจากอ่านรูปแบบและดูพฤติกรรมของราคา จากนั้นเทรดบนแผนการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดใช้ควบคุมป้องกันผลจากการผิดพลาดทุกครั้งเสมอ เขาค้นพบระบบเทรดที่เหมาะกับตัวเขาแล้วยึดปฏิบัติ ฝึกฝน จนสามารถทำการเทรดได้อย่างดี

เขาแนะนำเทรดเดอร์มือใหม่ ให้ใช้เวลาช่วง 1-2 ปีแรกในการหาแนวทางการเทรดของตัวเอง ทดลองลงมือทำ เรียนรู้กลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย จนสามารถหาวิธีการเทรดบวกกับการบริหารเงินที่เหมาะกับตัวเองได้ เพราะเทรดเดอร์แต่ละคนอาจจะมีรายละเอียด เช่น เงินทุน เวลา สุภาพ และจริตจิตใจ รวมถึงเป้าหมายความต้องการที่แตกต่างกัน (การลอกหรือทำตามคนอื่นอาจจะไม่เกิดผลดีในระยะยาว)

ท้ายสุดระบบเทรดที่ดีไม่ใช่วัดกันแค่การทำเงิน สร้างกำไร แต่มันควรจะต้องเทรดแล้วต้องไม่เครียด ไม่ทุกข์ คุณภาพชีวิตของเทรดเดอร์ต้องดีตามไปด้วย

4. มีวินัย ทำตามแผนการเทรด

คุณ Peter Brandt อธิบายถึงการใช้ระบบเทรด การมีแผนการเทรดที่ชัดเจนแล้วยึดมั่น ลงมือทำตามแผนนั้น เพราะเมื่อใดก็ตามที่อยู่ในตลาด ต้องติดตามราคาที่เกิด โดยเฉพาะภาวะที่ผันผวน แล้วมีอคติทางอารมณ์ มาครอบงำเช่น ความโลภ หรือความกลัว การตัดสินใจแบบมีอคติ(Bias) ด้วยอารมณ์ทำให้เกิดความผิดพลาด และนำมาซึ่งความเสียหาย ขาดทุนได้

จุดนี้ใจความสำคัญจึงไม่ใช่เรื่องของการมีแผนมีระบบเทรดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการบังคับตัวเองควบคุมอารมณ์ ซึ่งเป็นทักษะที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายในข้ามคืน ดังนั้นเทรดเดอร์จำเป็นจะต้องฝึกฝนเรื่องของ “วินัย” กำจัดอคติทางอารมณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจซื้อขาย เพื่อสร้างผลงานการเทรดที่ดี

5. ไม่จำเป็นต้องรีบลาออกจากงาน

มือใหม่จำนวนไม่น้อย ในช่วงเริ่มต้นเมื่อหลงเสน่ห์ตลาดหุ้น ตลาดฟิวเจอร์ โดยเฉพาะเมื่อยามทำกำไรได้มากได้ง่ายในช่วงเวลาตลาดขาขึ้น ทำให้มักอยากรีบกระโดดออกมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ซึ่งโลกความจริง ตลาดเก็งกำไรมันไม่ได้ง่ายไม่หมูอย่างนั้น

ประเด็นนี้คุณ Peter Brandt แนะนำไว้ว่า อย่ารีบลาออกจากงานมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ควรใช้เวลาฝึกฝนจนมั่นใจว่าอยู่รอดได้ ทำกำไรได้ต่อเนื่องก่อน เช่นเดียวกันการเป็นเทรดเดอร์นั้นก็สามารถเป็นงาน part time ได้ โดยการทำร่วมกับอาชีพหลัก บนการจัดสรรเวลาและเลือกใช้กลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม

ซึ่งข้อดีของวิธีนี้ จะทำให้เทรดเดอร์มีความกล้าที่จะเทรด กล้าทดลอง ลดความกดดันและความเครียดลง ตามมาด้วยการรับมือต่อผลกระทบจากการขาดทุนหนัก หรือขาดทุนต่อเนื่องโดยเฉพาะยามภาวะตลาดที่ผันผวนได้ดี ที่สำคัญมันทำให้เทรดเดอร์ผ่านช่วงยากลำบากจากความผิดพลาดในระยะเรียนรู้ 1-2 ปีแรกไปได้อย่างราบรื่นกว่า การต้องกดดัน คาดหวังจะสร้างเงินสร้างกำไรนำมาใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้นหลายเท่านัก

ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นแนวคิด คำแนะนำแบบ realistic ที่มีประโยชน์ จากเทรดเดอร์ผู้มากประสบการณ์ ผ่านสภาวะและวิกฤติการเงินต่างๆ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี โดยเฉพาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ ที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในพัฒนาตนเองได้ต่อไปครับ

-Mr.Chaipat-