หลายคนยังถามเรื่อยๆเนื่องจากไม่มั่นใจสถานการณ์การลงทุนรอบโลก
สาเหตุหนึ่งก็เพราะ เศรษฐกิจหุ้นไทย และข่าวไม่ดีในประเทศมันอาจทำให้เราจิตตกลงไปจนลืมนึกไปว่า โลกการลงทุนมันเปิดกว้างมากกว่าแค่จะเอาเงินอยู่ในปู่เซตที่เดียว
ต้นปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นสวยหรูแต่จบไตรมาสสองด้วยภาพที่ตรงกันข้าม จาก 2 ประเด็นหลัก คือ ปรับฐานในตลาดหุ้นจีน และการเจรจาหนี้กรีซ ซึ่งตามมาหลังจากเดือน พ.ค. ที่มีแรงเทขายออกจากตราสารหนี้ทั่วโลกในจำนวนไม่น้อย
ถ้ามองไปข้างหน้าจนถึงสิ้นปีนี้ จะพบว่า Major Issue ที่เหลืออยู่ก็คือ จังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ว่าจะขึ้นเดือน ก.ย. หรือ ธ.ค. ดีกว่ากัน แต่ถ้าในเชิงกลยุทธ์ผมขอให้มองข้ามเรื่อง Timing ไปเลยครับ เพราะประธานเฟดพูดชัดแล้วว่ายังไงก็ขึ้น และขึ้นปีนี้อย่างน้อย 1 ครั้งแน่นอน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญกว่า ก็คือ “ผลของการขึ้นดอกเบี้ย การลงทุนใดจะให้ประโยชน์?”
ตราสารหนี้ ถ้าเป็นพวก Investment Grade มองยังไงก็ไม่ดี เพราะเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนตจะขยับขึ้นตามดอกเบี้ยเฟดแน่นอน หลังปัญฆากรีซจบลงไปแล้ว และกว่าที่เราจะพูดถึงกรีซกันอีกทีน่าจะเป็นปีหน้าเลย แต่
ลงทุนในกองทุนรวมที่ยอดเยี่ยม ปรึกษา FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเป้าหมายการลงทุนแตกต่างกัน จึงต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด
ดูพอร์ตกองทุนแนะนำโดยสรุปคือ ปัจจัยสนับสนุนตลาดครึ่งปีหลังก็คือ
1. Political Risk และปัญหาหนี้กรีซ กับยูโรโซนที่เบาบางลง จะส่งผลดีต่อตลาดทุนโดยรวมแน่นอน
2. การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มาพร้อมกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ ถือว่า เป็นสภาพแวดล้อมที่หุ้นตกยาก
ส่วนเรื่องความเสี่ยง ผมมอง 2 ประเด็นเช่นกัน
1. ยุโรปจะฟื้นได้จริงไหมในช่วงเวลาที่ไม่มีเหตุการณ์ปัญฆาหนี้จากกลุ่มสมาชิก
2. ความผันผวนในตลาดหุ้นจีน จะยังมีอีกหรือเปล่าในช่วงที่เหลือของปี ถ้ายังมีอยู่ แปลว่า ตลาดฝั่งเอเชีย รวมญี่ปุ่น อาจจะสะดุดแบบครึ่งปีแรก
Mr.Messenger
ลงทุนในกองทุนรวมที่ยอดเยี่ยม ปรึกษา FINNOMENA ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเป้าหมายการลงทุนแตกต่างกัน จึงต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด
ดูพอร์ตกองทุนแนะนำอ่านบทความนี้บนแอป พร้อมแจ้งเตือนข้อมูลและสิทธิประโยชน์ดีๆ และลองใช้ PORT