อยู่ในตลาดมาซักระยะ คุณจะสามารถแบ่งประเภทของหุ้นได้หลากหลาย แล้วแต่ว่าจะแบ่งแบบไหน
แบบหนึ่งที่ผมแบ่งได้ ก็คือ การแบ่งตามคุณภาพ
คุณภาพของอะไร?
ผมดู 2 มุมครับ
คุณภาพของพื้นฐาน และคุณภาพทางเทคนิค ซึ่งเมื่อแบ่งออกมาแล้ว ก็ได้หุ้น 4 ประเภทดังนี้
จากภาพ ในฐานะที่ผู้อ่านก็เป็นนักลงทุนเหมือนกันกับผม คุณจะเลือกหุ้นที่อยู่ในกล่องไหน?
คำตอบที่ทุกคนตอบก็คือ ถ้าเลือกได้ ก็ขอเลือกกล่องสีเขียว นั้นก็คือ พื้นฐานดี + กราฟสวย นั้นเอง
พื้นฐานดี ดียังไง กราฟสวย สวยยังไง ไม่ขอเอ่ยถึงในบทความตอนนี้นะครับ เพราะนิยามของคำว่าดีแต่ละคนอาจจะมีแตกต่างในรายละเอียด เอาเป็นว่า พื้นานดี กราฟสวย ในสายตาของแต่ละคนก็แล้วกัน
กล่องที่ไม่มีใครเลือกลงทุนแน่ๆหากวิเคราะห์หุ้นตัวนั้นแล้ว ก็คือ กล่องสีแดง หรือ พื้นฐานห่วย + กราฟไม่สวย อันนี้ก็เห็นตรงกันนะ
หากคุณลองแบ่งหุ้น แบ่งกองทุน หรือ หลักทรัพย์อะไรก็แล้วแต่ตามคุณภาพของพื้นฐานและกราฟเทคนิค หุ้นจะตกอยู่ใน 4 ประเภทนี้ไม่นี้ไปไหน และถ้าเจอกล่องสีเขียว คุณก็จะกด Favorite หรือเอาไว้ใน Watchlist ทันที บางทีก็เคาะซื้อเลยด้วยซ้ำ
แต่ในโลกความเป็นจริง เวลาเรานั่งวิเคราะห์ไปเรื่อยๆ หุ้นที่จะตกอยู่ในกล่องสีเขียว มักจะไม่ค่อยมี สาเหตุเพราะ ถ้าหุ้นมันดีจริง มันต้องมีคนซื้อไปหมดแล้ว จริงม๊ะ? ยกเว้นหุ้นที่มีการเปลี่ยนปัจจัยบางอย่างอย่างฉับพลัน ยกตัวอย่างเช่น ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแล้วชนะคดี หรือ กำไรสุทธิโตกว่าที่คาด 50% อะไรประมาณเนี่ย หุ้นจำพวกนี้อาจสามารถขึ้นได้หลายๆเด้ง ซึ่งมันก็มีไม่เยอะอีกนั้นหล่ะ
แล้วหุ้นอะไรที่เราเจอบ่อยๆ?
คำตอบ หุ้นที่อยู่ในกล่องสีส้ม และกล่องสีฟ้า นั้นเอง
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนในภาวะที่ตลาดขาขึ้นเป็นระยะเวลายาวนาน ปรับฐานทีไรก็ย่อตัวไม่แรง ราคาไม่ถูกจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานซักที เราจะหาหุ้นที่กำไรดีและราคายังถูกแทบไม่เจอ กลับเจอแต่หุ้นที่ไม่สมประกอบ พื้นฐานดีสุดๆ แต่ราคานิ่งไม่ไปไหน (กราฟบอกว่ายังไม่ขึ้น) เจอแบบนี้ซื้อไป ก็กลัวไม่วิ่งตามคนอื่น หรือ กราฟสวยเว่อร์ แต่หันไปเจองบ แล้วอยากสงบดีกว่า เจอแบบนี้ ซื้อไปก็กลัวโดนแรงขายออกมาอีก เปรียบได้เหมือนกับช่วงนี้นะครับ ที่ระดับดัชนีตรง 1,200 จุด ไม่ต้องใครนักวิเคราะห์มาบอก เราก็รู้ว่า ตรงนี้ มันไม่ถูกแล้ว
แล้วถ้าอยากถือหุ้นเข้าพอร์ตละ เลือกอันไหน?
นี่คือประเด็นของหัวข้อนี้
ถ้าเราต้องตัดสินใจลงทุนหุ้นพิการ (ดีไม่ครบ 2 อย่าง) เราจะเอาพิการทางไหน พิการทาง Fundamental หรือ พิการทาง Technical
คำตอบที่ถูกต้องคือ ……. ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องครับ อ้าววววววว
นักลงทุนระยะยาว รับความเสี่ยงได้สูง ไม่มีเวลาในการติดตามตลาด คนเหล่านี้ เขาเหมาะกับการซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐาน โดยไม่ต้องไปสนว่า ตอนนี้กราฟจะสวยไม่สวย เพราะเขาเชื่อว่ายังไงในอนาคตอันไกลมันต้องวิ่งไปอยู่ดี
นักลงทุนระยะสั้น ผู้รับความเสี่ยงได้สูง มีเวลาเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของตลาด เขาก็อาจเหมาะกับหุ้นกราฟสวย ไม่สนใจพื้นฐาน สาเหตุก็เพราะ เขาเล่นสั้น ไม่ได้จะรอให้งบออกค่อยขายซะหน่อย ได้กำไรปั๊บ เดี๋ยวก็ขายออกแล้ว ดังนั้น ปัจจัยพืันฐานสำหรับเขาจึงมีน้ำหนักน้อยกว่า
แต่ก็มีนักลงทุนอีกแบบ
เขาคิดว่า ถ้าหุ้นตัวนั้น มันไม่ได้อยู่ในกล่องสีเขียว หัวเด็ดตีนขาดฉันก็จะไม่ซื้อ นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะเลือกรอเวลาอย่างใจเย็น และคอยหาจังหวะที่ คุณภาพทั้ง 2 มุม เข้าเงื่อนไขอย่างที่ตั้งไว้ เขาอาจจะพลาดโอกาสการเข้าซื้อ ถ้าหุ้นมันไม่ปรับตัวลงมาอย่างที่มองไว้ แต่เขาก็ยอมรับได้ ไม่คิดเสียดายทีหลัง
จากตัวอย่างนักลงทุนทั้ง 3 ประเภท ลองสำรวจดูนะครับ คุณเป็นนักลงทุนประเภทไหน?
เมื่อคุณรู้ตัว คำถามที่ว่า พื้นฐานดี แต่เทคนิคห่วย VS. เทคนิคสวย แต่ห่วยคุณภาพ เลือกอันไหนดี? ก็จะไม่มีให้คาใจ
ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือว่าเป็นนักลงทุน สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ก็คือ “รู้จักตัวเอง” เพราะถ้าคุณไม่รู้จักตัวเอง คุณก็จะเที่ยวแสวงหาสิ่งที่ทำให้คุณพอใจเพียงอย่างเดียว โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่พอใจ มันไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับคุณ แต่ถ้าเราเจอสิ่งที่เหมาะกับจริต นิสัยเรา มันจะเหมาะกับเราไปตลอด เพราะนิสัยมันเป็นเรื่องแก้ยากที่สุด เปลี่ยนยากที่สุด คุณว่าจริงไหม
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนfundamental, invest, investor, Stock, technical analysis, การลงทุน, นักลงทุน, ลงทุน, หุ้น