คำถามนี้ ผมว่า ทุกๆคนก็เคยถาม และเชื่อว่า นักลงทุนมือใหม่ทุกคนก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน … ปี 2014 เป็นอีกหนึ่งปีที่สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนไทยได้เป็นอย่างดี (ถ้าคุณกล้าและไม่กลัวการเมืองตั้งแต่ต้นปีนะ)แต่เอาจริงๆแล้ว ปีนี้ ทั้งหุ้น ทั้งตราสารหนี้ ต่างให้ผลตอบแทนดีทั้งคู่ ขอแค่คุณกล้าลงทุน ไม่ดองเงินไว้ในเงินฝาก และไม่ทุ่มพอร์ตไปกับการเก็บทอง ที่เหวี่ยงอยู่ในกรอบแคบๆไม่ไปไหนเลยตลอดทั้งปี โดยหุ้นไทย ทำผลตอบแทนได้ 19.12% แต่ระหว่างปี ใครไปขายได้ที่สูงกว่าดัชนีตอนปิด ก็มีให้เห็นสูงกว่า 25% ทีเดียว ในขณะที่ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนในปี 2014 อยู่ที่ 9.40%
เห็นแบบนี้ แสดงว่า ยาวๆแล้ว เราควรอยู่ในหุ้นใช่มั้ย?
ใช่ครับ แต่อีกเรื่องที่ต้องพิจารณาก็คือ ความเสี่ยงที่ตัวเรารับได้ ซึ่งมันสำคัญกว่าการหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวซะอีก สาเหตุเป็นเพราะ หุ้น ถึงแม้ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ต้องแลกกับความผันผวนที่มากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ดังนั้น ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ดันไปลงทุนในหุ้นเต็มพอร์ต เมื่อถึงเวลาที่ความผันผวนที่ผมว่า มันมาถึง สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ไม่รู้จักความเสี่ยงมักจะทำก็คือ ตกใจ และขายหนีตาย ทั้งๆที่ การปรับตัวลงมา อาจเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพิ่มขึ้นก็ได้ เพื่อให้ชัดเจนขึ้นนะครับ
ตารางด้านล่างนี้ แสดงผลตอบแทนสินทรัพย์ 4 ประเภท คือ หุ้นไทย พันธบัตรรัฐบาล ทอง และเงินฝากประจำ 1 ปี ย้อนหลังไป 16 ปี
จะเห็นว่า ไม่มีสินทรัพย์ไหนที่ให้ผลตอบแทนเป็นที่ 1 ไปตลอด มันสลับกันไปมาตลอด และถ้าดูที่หุ้น คุณจะเห็นว่า ปีที่เกิดวิกฤตอย่างปี 2000 และปี 2008 นั้น ใครลงทุนในดัชนีหุ้นไทย มีโอกาสขาดทุนได้ถึง -40% ทีเดียว
สรุปแล้ว ตารางด้านบนแสดงสัจธรรมกับนักลงทุนว่า หากคุณจะวัดความสำเร็จแบบรายปี มันไม่มีใครเป็นพระเอกไปตลอดกาล … ถ้ารับความเสี่ยงไม่ได้ ก็ควรกระจายการลงทุนไปลงทุนตราสารหนี้หรือทองบ้าง (ในช่วงที่ได้จังหวะนะ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าซื้อมันอย่างเดียว) แต่ถ้าทนกับความผันผวนในระยะยาว หุ้น แสดงให้เห็นแล้วว่า สร้างความมั่งคั่งได้ดีที่สุด
และหากเราขยายขอบเขตการลงทุน ไม่ใช่เฉพาะการลงทุนในไทย แต่เป็นทั่วโลก เราก็จะเห็นโอกาสที่ขยายมากขึ้นไปอีก ตามตารางด้านล่างนี้
จะเห็นว่า หุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทนดีนั้น เมื่อไปเทียบกับหุ้นปีที่แย่มา 4 ปีติด ปีนี้ ตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนชนะสินทรัพย์อื่นๆทั้งหมด โดยผลตอบแทนปี 2014 นั้นสูงถึง 52.87% ทีเดียว ดังนั้น ในช่วงที่หุ้นไทยอาจไปลำบาก หรือคุณคิดอยากกระจายความเสี่ยง การไปลงทุนในต่างประเทศในสัดส่วนที่เหมาะสม พร้อมมีความรู้ติดไปด้วยเป็นอาวุธ จะช่วยให้เราบริหารพอร์ตการลงทุนยิา่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ขอย้ำนะครับ ถ้าท่านไม่มีความรู้ และเดินดุ่ยๆไปลงทุนในต่างประเทศ จากลดความเสี่ยง อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว เพราะการขยายขอบเขตการลงทุน มันหมายถึงเราต้องขยายขอบเขตของความรู้ ความสามารถของตัวเราออกไปด้วย ถ้ามีไม่มากพอ ก็รออยู่ในไทย ไปศึกษาให้พร้อมก่อนจะดีว่า
สุดท้าย ปีนี้สินทรัพย์ประเภทไหนจะให้ผลตอบแทนดีไม่ดียังไง บทความตอนหน้า ผมจะมาแชร์มุมมองภาพรวมให้ดูอีกทีครับ
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนAsset Class, gold, invest, investor, long term investor, SET Index, Stock, กองทุนรวม, การลงทุน, ตราสารหนี้, ตลาดหลักทรัพย์, ทอง, ลงทุน, หุ้น, หุ้นไทย, ให้เงินทำงาน