เพราะชีวิตมนุษย์ มันต้องเสี่ยงอยู่ตลอดอยู่แล้ว หากชีวิตไม่เสี่ยงอะไรเลย ผลลัพธ์ก็คือ เราจะอยู่ในค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเรายอมเสี่ยง ก็มีโอกาสที่จะหนีออกมาจากคนกลุ่มใหญ่ (แต่ไม่มีอะไรรับประกันนะครับว่าจะออกมาเป็นผู้ชนะได้ตลอด)
การแข่งขัน นอกจากจะเป็นการต่อสู้กับฝั่งตรงข้าม จึงเป็นเรื่องของการต่อสู้กับจิตใจของตัวเองอีกทาง ซึ่งผมมองว่า ในเกมส์อะไรก็ตามที่เป็นระดับโลก (World Class) อย่าง การแข่งขันกีฬา แล้วนั้น การต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง มีความสำคัญพอๆกับการต่อสู้กับฝั่งตรงข้ามทีเดียว

Larry Hite ผู้จัดการกองทุน Hite Capital Management ได้ให้กฏพื้นฐาน 2 ข้อในการเทรดหุ้น และการใช้ชีวิต ไว้ว่า
1. If you don’t bet, you can’t win
ถ้าคุณไม่กล้าเสี่ยง คุณก็ไม่มีโอกาศที่จะชนะ
2. If you lose all your chips, you can’t bet”
แต่ถ้าคุณหมดตัว คุณก็จะไม่เหลืออะไรให้เสี่ยงอีกเลย

นั้นเป็นสาเหตุที่ผู้ชนะมีจำนวนน้อยก
เพราะ คนส่วนใหญ่ ไม่อยากเสี่ยง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่กล้าเสี่ยง และคนที่เสี่ยง ก็เสี่ยงแบบไม่มีเหตุผล ทำให้หมดตัว ไม่เหลืออะไรให้เสี่ยง เหลือแบบที่เสี่ยงได้และจัดการกับความเสี่ยงได้ดี ก็มีไม่มากแล้วครับ

คำถามที่ผมได้ยินจากนักลงทุนจากการไปบรรยายหัวข้อการลงทุน และการตอบคำถามพี่ๆน้องๆหน้าใหม่ทั้งหลาย ก็จับประเด็นได้ไม่กี่ข้อ
และข้อที่ถามกันบ่อยที่สุดข้อหนึ่งก็คือ อยากได้หุ้นที่ไม่เสี่ยง ปันผลดีๆ กำไรงามๆ ชัวร์ๆ มีไหม ครับ/ค่ะ?
คำตอบที่เขาได้รับกลับไปจากปากผม บางที ผมก็รู้ว่ามันกวนบาทา แต่ก็อยากให้รู้ไว้ว่า นั้นคือสัจธรรม และความจริง
ผมมักจะตอบกลับไปว่า “ถ้าผมเจอหุ้นตัวนั้นเมื่อไหร่และมั่นใจขนาดนั้น ป่านนี้ผมก็ไม่นั่งทำงาน ขายรถขายบ้านออกมาซื้อให้เต็มพอร์ตเรียบร้อยไปแว้วววว”

ถ้าในแง่ของการลงทุน ผมขอลองยกตัวอย่างเปรียบเทียบคนที่ได้กำไรหวือหวาเหวี่ยงซ้ายขวารุนแรง กับ นักลงทุนอีกท่านที่ได้กำไรสม่ำเสมอ เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆให้ได้ดูกัน
สมมติ นาย สมชาย และ นาย สมปอง มีเงินทุนตั้งต้น 100 บาท เท่ากัน นายสมชาย ทำกำไรปีแรกได้ 100% ปีที่สองขาดทุนไป 50% ส่วนปีที่ 3 เขากลับมา โดยทำได้ 100% อีกรอบ เทียบกับ นายสมปอง ที่ลงทุนแบบมีระบบ ไม่เสี่ยงเกินตัวไปเรื่อยๆปีละ 25% 3 ปีติดต่อกัน
ผลลัพธ์ ต่างกัน 5 บาท ถามว่า ในระยะยาว เมื่อพอร์ตของทั้งสองคนโตขึ้นเรื่อยๆระดับ สิบล้าน ร้อยล้าน ถ้ายังบริหารการลงทุนแบบเดิม ใครเสี่ยงกว่าครับ??

เป็นธรรมดาครับ เมื่อนักลงทุนเพิ่งเริ่มเข้าตลาด เขาจะภูมิใจเหลือเกินที่ได้กำไรจากหุ้นปั่น หุ้น IPO เท่านั้น เท่านี้ ในระยะสั้นๆ
แต่เมื่อคุณได้คุย และได้เจอกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์มากพอ เขาจะไม่ถามกันแล้วว่า เล่นหุ้นตัวไหนดี มีทีเด็ดหรือเปล่า แต่จะไปให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง การยืนระยะ ความสม่ำเสมอของผลตอบแทน

ถ้าคิดจะเข้ามาโกบโกยเงินจากตลาดหุ้นแค่ 2-3 ปี แล้วถอนตัวออกไปฝากประจำกับธนาคารเหมือนเดิม นั้นก็เป็นเรื่องเนิง
แต่ถ้าคิดจะอยู่ในตลาดให้ให้นานขึ้น อยากใช้เป็นที่สร้าง Passive Income จนได้อิสระภาพทางการเงินในระยะยาว คิดแบบเดิมไม่ได้นะครับ เพราะเกมส์การลงทุน และเกมส์ชีวิต มันต้องเล่นไปเรื่อยๆจนกว่าจะตายจากกันไปข้างเนิง
ดังนั้น บริหารความเสี่ยงเถิด

บางคนอาจเถียงว่า ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ได้กำไรปีละ 50-100% ต่อเนื่องหลายปีเนี่ย?? ผมขอตอบว่า เป็นไปได้ครับ แต่นั้นก็มาจากการเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบ และมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี ไม่ใช่กางพอร์ตมาที มีแต่หุ้นปั่นนะ

โชคดีในการลงทุนครับ