การที่ Dow Jones จ่อทำ All Time High อีกครั้งพร้อมๆกับ S&P500 นั้น ทำให้นักลงทุนกลับมาถ้าหา Valuation ของตลาดหุ้นสหรัฐฯกันอีกรอบแบบจริงจัง เพราะหากฟองสบู่แตกที่อเมริกานั้น หมายถึงว่า ปาร์ตี้ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ได้เวลาสิ้นสุดลงแล้ว และมันทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั้งหลายโดนเทกระจาดไปด้วยเช่นกัน ถ้าถามว่า ตัวเลขอะไรที่บอกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯตอนนี้ดูแพงเกินไปแล้ว ก็คงเป็นเรื่องของราคาดัชนี และอีกเรื่องก็คือ ค่า Forward P/E ที่สูงมากสุดเป็นประวัติการณ์ตามหลังดัชนีมาติดๆ
จากข้อมูลที่ FactSet เก็บมาโดยการเอา Forward P/E ของ Bloomberg Consensus มาพล็อตเป็นกราฟ ณ ปัจจุบัน ถือว่า แพงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 17.1 เท่า ในขณะที่ P/E เฉลี่ย 10 ย้อนหลังไปอยู่ที่ระดับเพียง 14.1 เท่า เท่านั้นเอง ซึ่งสอดคล้องกับ Cyclical Adjusted P/E หรือ CAPE ที่ขึ้นมาสูงกว่าระดับตอนก่อนเกิดวิกฤต Subprime มาซักพักแล้ว แต่เอาเป็นว่า ผมขออนุญาตแชร์ในอีกมุมมองหนึ่งว่า ถึงแม้ Valuation ของหุ้นทั่วโลกจะอยู่ในขอบบนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบทุกตลาด (รวมถึงหุ้นไทย) แต่นั้นก็ไม่ได้หมายถึงว่า ปาร์ตี้กำลังจะเลิกแต่อย่างใด
1. นับจากวิกฤตปี 2008 เป็นต้นมา เงินไหลเข้าตราสารหนี้ เยอะกว่าตราสารทุน

2. ผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวมน่าสนใจกว่าตราสารหนี้

3. การขึ้นดอกเบี้ย ไม่ได้แปลว่า หุ้นจะร่วง เสมอไป

สาเหตุเป็นเพราะ การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (ถ้าขึ้นจริง) จะเป็นแค่การขึ้นเพื่อ Normalize Policy Rate หรือ ให้มันมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น เพราะความเห็นของประธานเฟดทั้งคนเก่าและใหม่ บอกแล้วว่า ที่ 0-0.25% เนี่ย มันต่ำเกินไป อีกสาเหตุหนึ่ง ก็จากกราฟข้างบนครับ J.P.Morgan เขาทำข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1963 จนถึงปีที่แล้ว โดยดูความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนใน S&P500 ไป 1 ปี เทียบกับ ว่า ช่วงนั้นๆ พันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่เท่าไหร่ สรุปจากกราฟก็คือ ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ต่ำกว่า 5% นั้น หากมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะแทบไม่เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นเองเลย ซึ่งณปัจจุบัน US Treasury 10 Years อยู่ที่ 2.05% ยังห่างไกลจาก 5% พอควร
นี่คือ 3 ข้อที่ผมบอกว่า เป็นประเด็นภาพใหญ่ที่ทำให้ยังไม่เห็นสัญญาณการจบลงของรอบขาขึ้นครั้งนี้
แต่ท่านผู้อ่านหลายคนก็คงยังอดคิดไม่ได้ว่า หุ้นบางตัวมันแพงขนาดนี้ หรืออย่าง MAI Index ในบ้านเราที่ P/E มากกว่า 80 เท่า มันจะเอาอะไรไปขึ้นมากกว่านี้อีก นั้นก็ต้องไปดูกันในรายละเอียดครับ ไม่ใช่ว่าไม่กังวลว่าหุ้นโลกจะฟองสบู่แตก แต่ก็เข้าไปลงทุนในหุ้นปั่นกันสนุกมือ เพราะเจ้ามือหุ้นรายตัว เขาไม่มองภาพใหญ่หรอกครับว่าจะทุบหุ้นพร้อมฟองสบู่ เขาอยากได้เงินตอนไหนเขาก็ทุบเลย ไม่ต้องถามหาเหตุผล
อ้อ พอพูดถึงประเด็นนี้ ก็ดีเหมือนกัน กระแสหุ้น IPO เนี่ย มาแรงทั้งโลกนะครับ แต่ที่ต้องระวังคือ พวกเจ้าของที่คิด IPO เพื่อให้ตัวเองรวยขึ้นจากราคาหุ้นเนี่ย เยอะขึ้นเรื่อง ล่าสุด University of Florida เขาสำรวจหุ้น IPO ในสหรัฐฯ พบว่า ปีที่แล้ว มีหุ้น 71% ของหุ้น IPO ทั้งหมด ที่รายงานตัวเลขผลประกอบการออกมาแล้วยังไม่กำไร … เห็นไหม บริษัทใหม่ๆหิวเงินนักลงทุน มันมีอยู่ทุกมุมของโลก
ใช้สติ ก่อนโยนสตางค์ไปในตลาดหุ้นนะครับ

