เป็นสัจธรรมของทุกอย่างในโลกนี้นะครับ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อนว่าด้วยเรื่องโลกธรรม 8 ประการ
มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ สรรเสริญ นินทา
ทุกอย่างในโลกมีของคู่กัน ตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อมีตลาดขาขึ้น ก็ย่อมมีตลาดขาลง เช่นกัน
กว่าหลายร้อยปีมาแล้ว ที่นักลงทุนในตลาดพยายามหาสัญญาณ และหาเหตุผลต่างๆเพื่อนตรวจสอบและตรวจจับสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด จากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลง เป็นขาขึ้น และหนึ่งในเครื่องมือ ซึ่งเหมือนเป็นลายแทงในการดูการเปลี่ยนเทรน ก็คือ การดูรูปแบบของการเคลื่อนไหวของราคา (Pattern)
บทความนี้ขอพูดถึงเหตุการปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นกรณีศึกษา เนื่องจาก ตลาดหุ้นไทยในรอบที่ผ่านมา ไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,649 จุด แล้วเกิดแรงเทกระจาดลงมา จนมายืนตรง 1,400 จุด ณ ปัจจุบัน (วันที่ผมเขียนคือ 22 มิ.ย. 56)
ไม่ว่าหุ้นในตลาดไหนจะดีขนาดไหน การปรับฐานย่อยเล็กๆน้อยๆ จะเกิดขึ้นตลอดทาง และเพื่อให้มีแรงขยับขึ้นไปได้รุนแรง ก็ต้องมีการปรับฐานรุนแรง เพื่อเขย่าเอานักลงทุนที่วิ่งเข้ามาหวังเพียงแค่เก็งกำไรออกไป ให้เหลือแต่ผู้ที่มั่นใจ หรือผู้ที่กล้าวิ่งไปตามแนวโน้มเพื่อเก็บกำไรก้อนใหญ่
ใน Elliott Wave Theory นั้น มีกล่าวถึงรูปแบบการปรับฐาน ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายแบบ แต่ไม่ยากที่จะจดจำเพื่อเป็นลายแทงในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ต และทยอยสะสมหุ้นกลับเมื่อถึงเวลาอันควรนะครับ เริ่มแรก Elliott มองว่า ขาขึ้นราคาหุ้น หรือดัชนี จะประกอบด้วย 5 คลื่น (1-2-3-4-5) และขาลง ประกอบด้วยคลื่น 3 คลื่น (a-b-c) ตามรูป
และในคลื่นหลัก แต่ละคลื่น ก็อาจประกอบไปด้วยคลื่นย่อยอีกหลายคลื่น โดยปกติ ในแง่ของการใช้ Elliott Wave ผมจะนับเฉพาะคลื่นลูกใหญ่ที่นับได้เท่านั้นพอ ไม่อย่างนั้น ไปนั่งนับคลื่นเล็กๆน้อยๆเสียเวลาครับ นับผิดนับถูกก็ไม่มีทางรู้ เพราะฉะนั้น เอาแค่ภาพกว้างๆก็พอ
ในขาลง (a-b-c) ฝรั่งเรียกขาลงนี้ว่า Corrective Wave เขาบอกว่า ขาลงประกอบด้วยคลื่น 3 ลูก
a จะเป็นคลื่นขาลงลูกแรกที่ลงเร็ว ลงแรง แบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งโดยปกติ ดัชนี หรือราคาหุ้น จะส่งสัญญาณก่อนกลับตัวด้วย Bearish Divergence ใน Indicator สำคัญๆอย่าง MACD หรือ RSI มาก่อนหน้านี้
b ภาษาง่ายๆ เราเรียกว่า รอบเด้ง เนื่องจาก a นั้นลงมาแรงและเร็วเกินไป นักลงทุนในตลาดที่ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อดัชนี จะยังทยอยสะสม และซื้ออยู่ เพื่อหวังว่าดัชนีจะมีโอกาสขึ้นไปผ่านจุดสูงสุดเดิมก่อนที่จะลงมายังคลื่น a
c เป็นคลื่นสุดท้าย ที่มีจุดสังเกตุคือ คลื่น b ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ (Lower High) นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่จะเริ่มรู้แล้วว่า ตลาดเริ่มตันๆ ข่าวร้ายจะเริ่มมาบ่อย และหนักขึ้น จนเกิดแรงขายอีกรอบ
ต่อมา Corrective Wave บอกว่า รูปแบบการปรับฐาน เกิด a-b-c เนี่ยแน่ๆ แต่ a-b-c ก็มีหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีตามนี้
Zigzags (5-3-5)
ก็คือ คลื่น a จะมี 5 คลื่นย่อย คลื่น b จะมี 3 คลื่นย่อย และ คลื่น c จะมี 5 คลื่นย่อยอีกที ซึ่งคลืน c จะลงมาต่ำกว่า a เสมอ แต่จะต่ำได้เท่าไหร่ ต้องใช้ fibonacci Retracement มาพิจารณาประกอบกับการดู Divergence ใน Indicator ประเภทอื่นๆ
Flats (3-3-5)
ต่างจาก Zigzag คือ คลื่น a มีแค่ 3 คลื่นย่อย และมีโอกาสที่คลื่น c อาจไม่ต่ำกว่าคลื่น a แล้วดีดขึ้นทันทีเป็นรูปแบบ Double Bottom (ในอดีตช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หุ้นไทยเราชอบ Corrective Wave รูปแบบนี้มาก เกิดมาแล้วหลายครั้ง)
ขอหยุดแค่ สองรูปแบบนี้ก่อนนะครับ เพราะฉะนั้น หากดัชนีเข้าสู่ขาลง การปรับฐานจากคลื่น a เรานับคลื่นได้แค่ 3 คลื่นย่อย ให้สมมติฐานว่า Corrective Wave เป็นแบบ Flats โอกาสที่คลื่น c จะลงไปต่ำกว่า จุดต่ำสุดของ a อาจไม่มาก แต่ถ้าเมื่อไหร่ นับได้ 5 คลื่นย่อยในคลื่น a ก็ตัดรูปแบบ Flats ไปได้เลย งั้นไปดูอีก 2 รูปแบบ
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนTriangles (3-3-3-3-3)
Double threes and triple threes (combined structures)
เพราะฉะนั้น ในคลื่น a คลื่นแรก จากจุดสูงสุดของขาขึ้น หากนับได้ 5 คลื่น จะถือเป็น Corrective Wave ที่ง่ายในการอ่านทิศทางที่สุด เพราะรู้แน่ๆว่าเป็น Zigzag แต่ถ้าเป็น 3 คลื่นย่อยใน a โอกาส อาจจะเป็น Flats หรือ Triangles หรือ Double threes and triple threes ก็ได้
มาวันนี้หากนับคลื่นย่อยในขาลงคลื่น a (ดูรูปด้านล่างประกอบ)
หากเจาะ TF ไปดูราย 15 นาที จะนับได้ 5 คลื่นย่อยในคลื่น a (รูปนี้ผมนับไว้ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.)
มาดูกันครับว่า Elliott Wave จะใช้ได้จริงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้หรือไม่
ส่วนตัวแล้ว ผมก็ใช้เป็นแค่หนึ่งแนวทางในการประกอบการตัดสินใจ แล้วก็ไปดู Fundamental ไปใช้เครื่องมือทางเทคนิคตัวอื่น และดูการเกิด Bullish Divergence ประกอบการตัดสินใจทยอยสะสม เพราะถ้า Elliott Wave มันดีจริง ป่านนี้คงทั้งโลกก็คงจะใช้มันอย่างเดียว ไม่ต้องไปดูอย่างอื่นแล้ว ถูกไหม? ^^
หากคุณคิดจะลงทุนเพิ่มในกองทุนรวม นี้คือสิ่งที่คุณไม่อยากพลาด! สมัครสมาชิกตอนนี้เพื่อรับโพยกองทุนเด็ดที่แนะนำ อัพเดททุกเดือนจาก FINNOMENA
กดที่นี่เพื่อรับโพยกองทุนCorrective Wave, Elloitt Wave, invest, investment, investor, SET Index, Stock, technical analysis, ตลาดหุ้น, นักลงทุน, ปรับฐาน, หุ้น, หุ้นไทย