นับตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมา จนกระทั่งมาปีนี้ เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงคุ้นเคยกับกองทุนประเภท Trigger Fund อยู่บ้างไม่มากก็น้อย โดยรวมๆแล้ว Trigger Fund ออกสู่ตลาด และขายให้ประชาชนทั่วไปร่วมๆ 40,000 ล้านบาท และจำนวนกองทุน Trigger Fund รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 100 กองทุน ฮิตขนาดนี้ มันมีอะไรดี และน่าสนใจลงทุนจริงๆรึเปล่า วันนี้ Mr.Messenger ขอมาขยายให้เห็นความจริงกันครับ

Trigger Fund คือ กองทุน คือ กองทุนที่มีการตั้งเป้าหมายผลกำไรที่ได้ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุน IPO โดยมีเงื่อนไขคือ หากกองทุนทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่จดทะเบียนกับ กลต. ภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะทำการปิดกองทุนทันที แต่ถ้าครบกำหนดแล้ว กองทุนยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็จะตั้ง Option ให้นักลงทุนเลือกว่า จะถือกองทุนนั้นต่อไป หรือ ขายออกมา เอาเงินไว้ก่อนก็ได้

ทำไม Trigger Fund ถึงได้รับความนิยมค่อนข้างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา?

มีหลายปัจจัยครับ
1. จังหวะที่ทยอยออกกองทุน Trigger Fund นั้น เป็นจังหวะตลาดหุ้นขาขึ้น ดังนั้น พอกองแรกๆกำไร คนก็เริ่มพูดถึงมากขึ้น และเข้าไปลงทุนในกองทุน Trigger Fund กองใหม่ๆมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นกระแส
2. บลจ. อื่นๆที่เห็นว่า Trigger Fund นิยม และแย่งเงินลงทุนจากกระเป๋าลูกค้าได้ ก็ต้องเล่นตามกระแสด้วยการเปิด IPO กอง Trigger Fund เพื่อไปลงทุนกับเขาบ้าง ไม่งั้นลูกค้ากองทุนก็หนีไป บลจ. อื่นกันหมด
3. ด้วยความที่ Trigger Fund ส่วนใหญ่ ลงทุนในตลาดหุ้นไทย หรือไม่ก็ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ (เกือบร้อยละร้อย ลงทุนในตลาดหุ้นทั้งหมด) และตั้งเป้าหมายการลงทุนในกรอบไม่เกิน 12 เดือน ซึ่งถือว่าสั้นมากๆ ต้องยอมรับครับว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่สามารถทนได้กับการถือการลงทุนในระยะยาวมากๆ ดังนั้น พอเห็นกรอบระยะเวลาไม่นาน และเป้าของ Trigger มันสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ก็เลยถูกผู้ขายชักชวนเข้าลงทุนได้ง่าย ตัดสินใจได้ไม่ยาก
4. การถึงเป้าหมาย แล้วขายออกอัตโนมัติ หรือปิดกองทุน ทำให้นักลงทุนใน Trigger Fund ไม่ต้องมานั่งจับจังหวะตลาด เพราะเชื่อว่า เมื่อถึงเวลา เด๋ว บลจ.ก็โทรมาบอกเองว่า จะได้เงินวันไหน สบายใจไปเลยยย

นั้นคือด้านสว่างของกอง Trigger Fund ครับ แต่ของทุกอย่างมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย

Trigger Fund มีจุดอ่อนตรงไหน?

1. หากคุณผู้อ่านดูความสำเร็จของนักลงทุนชั้นนำทั้งหลาย จะเห็นว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้อย่างมากมาย ก็คือ การใช้ประโยชน์จาก พลังของดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) คือ เมื่อได้กำไรหรือผลตอบแทน ก็นำกลับไปลงทุนเพิ่มโดยไม่ขายทำกำไรออกมาในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น Trigger Fund ถึงจะตอบโจทย์ที่คนส่วนใหญ่ต้องการ แต่ก็พบว่า ประโยชน์นั้น บั่นทอนปัจจัยความสำเร็จในระยะยาวของนักลงทุนที่ยอมรับผลตอบแทนเพียงแค่มากกว่าเงินฝาก

2. หากตลาดหุ้นอยู่ในขาขึ้น หรือให้ผลตอบแทนมากกว่าเป้าหมายของ Trigger Fund ขึ้นไปอีก นั้นจะทำให้นักลงทุนเสียโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นทันที
3. กรณีที่ภาวะตลาดไม่เป็นใจ หรือกลับกลายเป็นขาลง นักลงทุนไม่สามารถส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนระหว่างทางในช่วงที่ Trigger Fund ยังไม่ครบกำหนดได้ นั้นหมายถึง การลงทุนใน Trigger Fund เป็นการลงทุนที่เสี่ยงพอสมควร เพราะ Upside Limit หรือถูกจำกัดไว้เท่ากับเป้าที่กองทุนตั้งไว้ในตอนแรก แต่ Downside Unlimit เพราะหากยังไม่ครบกำหนด นักลงทุนไม่สามารถเลือกที่จะขายลดพอร์ตออกมาเพื่อลดความเสี่ยงอะไรได้เลย

จะเห็นว่า ข้อเสียของ Trigger Fund นั้น ถือว่าทำลายเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวพอสมควรนะครับ

ลักษณะของ Trigger Fund อีกบางอย่างที่นักลงทุนควรรู้
คือ ส่วนใหญ่จะเลือกลงทุนในหุ้นซึ่งเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ Benchmark หรือ Index ไว้ก่อน ทำให้โอกาสได้ Abnormal Return หรือกำไรส่วนเพิ่มเหมือนกับกองทุนรวมหุ้นประเภท Active Management Portfolio ไม่มี ถ้าถามว่า เพราะอะไรต้องลงทุนให้เกาะ Index ไว้ ก็เพราะ กรอบระยะเวลาการลงทุนนั้นระยะสั้น เล่นกับแนวโฯ้มตลาด ณ ปัจจุบันภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน การไปเลือกลงทุนในหุ้นบางประเภทเช่นพวก Defensive Stock อาจจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงและวิ่งขึ้นช้ากว่าดัชนีตลาด ดังนั้น เพื่อให้มันง่ายที่สุด ก็มักจะเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มดัชนี ถ้าเป็น Trigger Fund เมืองไทย ก็เลือกลงทุนใน SET50 Index เป็นหลัก

จากตารางด้านล่าง คือกองทุนหุ้นไทย 15 อันดับแรก ที่ผลตอบแทนดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี จะเห็นว่า ผลตอบแทนสูงถึง 22 – 36% ภายในเวลาเกือบๆ 8 เดือน ขณะที่ SET Index วิ่งไป 19% ดังนั้น เลือกกองทุนดีๆ นักลงทุนก็สามารถชนะตลาด และมีความยืดหยุ่นในการเพิ่ม/ลดพอร์ตระหว่างทางมากกว่า

(ข้อมูลจาก www.wealthmagik.com)

ซึ่งพอลักษณะเป็นเช่นนี้ บวกกับกองทุน Trigger Fund มักเก็บค่าธรรมเนียมขาย (กรณีสามารถทำกำไรได้ตามเป้า) โดยเฉลี่ยคิดราวๆ 0.5-1% ของ NAV เป้าหมาย ทั้งๆที่มี Management Fee เก็บตลอดอยู่แล้วด้วย ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนมีโอกาสมองว่า จ่ายค่าธรรมเนียมไปไม่คุ้มกับผลตอบแทนที่ได้รับ เพราะไปลงทุนล้อกับดัชนี ไม่ได้มีฝีมือ Fund Manager อะไร แต่ไหงกลับเก็บค่าธรรมเนียมซะแพง ดังนั้นก่อนลงทุน Trigger Fund แนะนำให้ตรวจสอบค่าธรรมเนียมด้วยครับ

เขียนมาถึงขนาดนี้ แสดงว่า Trigger Fund มันไม่ดีเลย??

เอาตามความเห็นของผมตรงๆ ก็บอกเลยว่า ผมมองว่า กองทุนประเภท Trigger Fund ไม่ตอบโจทย์การลงทุนระยะยาว และมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงเกินไป นักลงทุนที่สามารถหากองทุนรวมธรรมดา ที่มีนโยบายลงทุนคล้ายกับ Trigger Fund ที่ท่านสนใจ ผมแนะนำให้ไปลงทุนในกองทุนนั้นแทนจะดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ชอบหุ้นไทย ก็ไปลงทุนในกองทุน Index Fund หรือ กองทุนหุ้นดีๆที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวสูงกว่าดัชนี เป็นต้น

แล้ว Trigger Fund มันเหมาะกับใคร?

เหมาะกับนักลงทุนประเภท Beginner ที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง แต่ไม่มีประสบการณ์การลงทุนในกองทุนหุ้น หรือตลาดหุ้น มากพอที่จะหาจังหวะทำกำไรด้วยตัวเอง

แต่ถ้าคุณแข็งแรง และมีภูมิต้านทานการลงทุนที่ดีแล้ว Trigger Fund ไม่ใช่คำตอบการลงทุนที่คุณค้นหาแน่นอนครับ ^^

โชคดีในการลงทุนครับ